ประวัติความเป็นมา
ขององค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
------------------------------------
ส่วนที่
1 สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน
องค์การบริหารส่วนตำบลละหารเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นจัดตั้งตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล
พ.ศ. 2537 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับทั่วไป เล่มที่ 112
ตอนพิเศษ 6ง ลงวันที่ 3 มกราคม 2538มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.
2538
โดยกำหนดตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลละหารประกอบด้วย
1.
ขนาดเป็นรูปตรารูปกลม
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร
2.
รูปลักษณะใช้รูปมือประสานกันหน้ารูปลูกโลกและมีรวงข้าว 2 รวงอยู่ระหว่างขอบบนมีอักษร“อบต. ละหาร” ขอบล่างมีอักษร“อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี”
1. คำว่า“ละหาร”
เป็นภาษายาวี แปลว่า ที่ราบลุ่มมีลักษณะคล้าย
ท้องกระทะ
เหมือนสภาพพื้นที่ของตำบลละหาร
2.
รูปมือประสานกันหน้ารูปลูกโลกและมีรวงข้าว
2 รวง อยู่ด้านล่าง
มีความหมายว่า
สามัคคีร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา อบต. ให้เจริญรุ่งเรือง
สามัคคีกันทุกภาคส่วน
3. รวงข้าว แสดงถึง
ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่เหมาะสมกับการทำ
เกษตรกรรมพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
๑. ด้านกายภาพ
1.1
ที่ตั้งของหมู่บ้านหรือชุมชนหรือตำบล
ตำบลละหารตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของอำเภอบางบัวทอง
มีถนนสายหลักผ่านตำบลละหาร ๓ สาย คือ ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (๓๔๐)
ถนนบางบัวทอง-บางปะอิน (๓๗) และถนนบางบัวทอง-สะพานนนทบุรี (๓๔๕) ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่
9/9 หมู่ที่ 6ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรีตำบลละหารอำเภอบางบัวทอง
จังหวัดนนทบุรีอยู่ระหว่างที่ว่าการอำเภอบางบัวทองและสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง
ตำบลละหารมีอาณาเขตติดต่อกับตำบลและอำเภอต่าง
ๆ ดังนี้ คือ
ทิศเหนือติดต่อกับ ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี
ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลคลองข่อย
อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ
ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร มีพื้นที่
18.16 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ11,350 ไร่
รูปแสดงที่ตั้งและอาณาเขตตำบลละหาร
1.2
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของตำบลละหาร
มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่สองฝั่งคลองลำโพที่ผ่านทางด้านตะวันออกของตำบลละหาร
พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นที่ลุ่มมาก พื้นที่ตำบลละหารเหมาะสำหรับทำการเกษตร
มีลำคลองที่สำคัญซึ่งอยู่ใสความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบรรลือควบคุมทั้งตำบล
1.3ลักษณะภูมิอากาศ
ตำบลละหาร
มี 3 ฤดู คือ
Øฤดูฝนเริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม
เกิดจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เริ่มพัดเข้าก้นอ่าวไทย
ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดผ่าน ทำให้ฝนตกมากขึ้นในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เป็นระยะเวลาที่ฝนตกมากที่สุด
ฝนที่ตกในระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่วนหนึ่ง
อีกส่วนหนึ่งจะได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่นซึ่งเคลื่อนตัวจากทางทะเลจีนใต้
เข้ามาทางฝั่งประเทศเวียดนาม ซึ่งเกิดขึ้นในบางที
ถ้าปีใดเกิดมีหลายๆลูกเข้ามาติดๆกัน ทำให้ฤดูฝนยาวนานกว่าปกตินั้นจะทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้
โดยส่วนใหญ่ฤดูฝนจะหมดฝนประมาณกลางเดือนตุลาคม ปริมาณของน้ำฝนเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง
ประมาณ 1,469 มิลลิเมตร/ปี
Øฤดูหนาวเริ่มประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เป็นระยะเปลี่ยนฤดูฝนเป็นฤดูหนาว
ระยะนี้จะมีฝนตกน้อยไม่มากนัก ซึ่งจะมีลมพัดจากทางทิศเหนือมาใต้สลับกันเป็นระยะ
ในเดือนธันวาคม-มกราคม ฤดูหนาวภายในตำบลละหารนี้จะไม่ถึงกับหนาวมาก
เพราะส่วนใหญ่อากาศบริเวณนี้มีความชื้นสูงเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเลนัก
Øฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม
โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนนั้นจะมีอากาศร้อนอบอ้าวมากที่สุด
แต่บางปีก็จะมีฝนตกบ้างเล็กน้อย
(1)
อุณหภูมิ โดยทั่วไปฤดูร้อนอากาศจะร้อนไม่มากนัก
ฤดูหนาวก็หนาวไม่มาก ส่วนในฤดูฝนมีฝนตกชุกพอสมควร
(2) ความชื้น
เมื่อเปรียบเทียบกับตำบลที่มีการปลูกพืชไม้ผล จะมีความชื้นที่น้อยกว่า
แต่ก็จะมีความชื้นสูงกว่าภาคกลางตอนบน
(3) ปริมาณและการกระจายของน้ำฝนเฉลี่ยในรอบปีประมาณ
1,469 มิลลิเมตร โดยมีการกระจายของฝน 3 ช่วง คือ
Øเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม
Øเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม
Øเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงที่มีฝนตกมากที่สุด
1.4ลักษณะของดิน
สภาพดิน
ตำบลละหารมีสภาพดินเป็นดินเหนียว ประกอบด้วยกลุ่มชุดดิน 3 กลุ่ม ดังนี้
(1) กลุ่มดินชุด
3 f
(2) กลุ่มดินชุด
8
(3) กลุ่มดินชุด
11 f
กลุ่มชุดดินที่
3
ลักษณะโดยทั่วไป:
เนื้อดินเป็นพวกดินเหนียว
ดินบนเป็นสีเทาเข้ม สีน้ำตาลปนเทาเข้ม ดินล่างเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน
มีจุดประสีน้ำตาลแก่ สีน้ำตาลปนเหลือง สีแดงปนเหลือง
พบตามพื้นที่ราบลุ่มหรือราบเรียบ เป็นดินลึก มีการระบายน้ำเลว ฤดูฝนขังน้ำลึก
20-25 ซม. นาน 4-5 เดือน ฤดูแล้งดินแห้งแตกระแหงเป็นร่องกว้างลึก ถ้าพบบริเวณชายฝั่งทะเลมักมีเปลือกหอยอยู่ในดินชั้นล่าง
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง มีปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลาง
ถ้าเป็นกรดเล็กน้อยมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5-6.5
ส่วนดินชั้นล่างหากมีเปลือกหอยปะปน จะเป็นด่างหรือมีค่าความเป็นด่างประมาณ 7.5-8.0
ปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน:
ถ้าเป็นที่ลุ่มมากๆจะมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมในฤดูฝน
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช:
ในสภาพปัจจุบันสภาพพื้นที่มีศักยภาพเหมาะสมในการทำนา
เนื่องจากพื้นที่ราบเรียบถึงเกือบราบเรียบ เนื้อดินเป็นดินเหนียว
การระบายน้ำเลวในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำขังที่ผิวดินนาน 4-5 เดือน
แต่สามารถปลูกพืชไร่และพืชผักบางชนิดได้ ในช่วงฤดูแล้งหลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว
ไม่เหมาะที่จะปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น เพราะมีน้ำท่วมขังลึกในฤดูฝน
อย่างไรก็ตามสามารถเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์จากนาข้าวเป็นปลูกพืชไร่ ไม้ผล
และพืชผักได้ ถ้าได้มีการพัฒนาที่ดินโดยการทำคันดินรอบพื้นที่เพาะปลูก
เพื่อป้องกันน้ำท่วมและยกร่องปลูกเพื่อช่วยการระบายน้ำของดิน
กลุ่มชุดดินที่
3 (ชุดดินบางเลน Bang Len Series: BL)
การจำแนกดิน :Fine,
smectitic, isohyperthermicVerticEndoaquolls
การกำเนิด
:
ตะกอนน้ำทะเลผสมกับตะกอนลำน้ำ
ซึ่งพัฒนาในสภาพน้ำกร่อย
สภาพพื้นที่ :
ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ
มีความลาดชัน 0-1% อยู่สูง
1-4 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
การระบายน้ำ :
เลว
การไหลบ่าของน้ำบนผิวดิน :
ช้า
การซึมผ่านได้ของน้ำ :
ช้า
พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
:
ทำนา
การแพร่กระจาย :
ที่ราบลุ่มภาคกลาง
การจัดเรียงชั้นดิน :
Apg-Bssg-Bg-Cg
ลักษณะและสมบัติดิน
:
เป็นดินลึก
ดินบนเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง สีดำหรือสีเทา
ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นด่างเล็กน้อย (pH
7.0-8.0) ดินบนตอนล่างเป็นดินเหนียว สีเทาปนสีน้ำตาลอ่อน
สีเทาหรือสีเทาปนเขียวมะกอก มีจุดประสีน้ำตาลปนเขียวและสีน้ำตาลปนเหลือง
ปฏิกิริยาดินเป็นด่างปานกลาง (pH 8.0)
ดินล่างตอนล่างเนื้อดินเป็นดินเหนียว สีเทาปนน้ำตาลหรือสีน้ำตาลปนเทา
มีจุดประสีน้ำตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นด่างปานกลาง (pH
8.0) ในดินล่างลึกลงไปจะพบดินเลนสีน้ำเงิน
มีปริมาณกำมะถันต่ำ จะพบรอยถูไถและผลึกยิปซัม
ความลึก (ซม.) |
อินทรียวัตถุ |
ความจุ แลกเปลี่ยน
แคตไอออน |
ความอิ่มตัว เบส |
ฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ |
โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ |
ความอุดมสมบูรณ์ |
0-25 |
ปานกลาง |
สูง |
สูง |
ปานกลาง |
สูง |
สูง |
25-50 |
ต่ำ |
สูง |
สูง |
ปานกลาง |
สูง |
ปานกลาง |
50-100 |
ต่ำ |
สูง |
สูง |
ปานกลาง |
สูง |
ปานกลาง |
ชุดดินที่คล้ายคลึงกัน :
ชุดดินบางกอก
และชุดดินบางเขน
ข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ :
มีน้ำท่วมขังในฤดูฝน
ลึก 50-200 ซม. นานประมาณ 6 เดือน
ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ :
ทำนา
ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น
กลุ่มชุดดินที่
8
ลักษณะโดยทั่วไป:
เนื้อดินเป็นพวกดินเหนียว
ดินบนมีลักษณะการทับถมเป็นชั้นๆ ของดินและอินทรียวัตถุที่ได้จากการขุดลอกร่องน้ำ
ดินล่างมีสีเทา บางแห่งมีเปลือกหอยปะปนอยู่ด้วย พบบริเวณที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล
ปัจจุบันเกษตรกรได้ทำการขุดยกร่องเพื่อพืชผลต่างๆ
เพื่อให้สภาพพื้นดินเดิมเปลี่ยนแปลงไป ตามปกติดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลางถึงสูง
pH6.0-7.0
ปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน:
ดินยกร่องบางแห่งพื้นที่ที่ยกร่องใหม่ๆ
จะมีปัญหาเรื่องดินเค็ม
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช:
การจัดชั้นความเหมาะสมของกลุ่มชุดดินที่
8 นั้นได้จัดในการเกษตรคือ ใช้ปลูกไม้ผล พืชผักและปลูกพืชไร่บางชนิด
พร้อมกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาควบคู่กับการปลูกพืชดังกล่าว
เนื่องจากได้มีการยกร่องปลูกพืชและมีร่องน้ำระหว่างร่องปลูกอยู่แล้ว
เพียงแต่ปรับปรุงให้เหมาะแก่การเลี้ยงปลาก็จะทำให้เกิดรายได้เสริม
กลุ่มชุดดินที่
11
ลักษณะโดยทั่วไป:
เนื้อดินเป็นพวกดินเหนียว
ดินบนมีสีดำหรือเทาแก่ ดินล่างมีสีเทา และมีจุดประสีน้ำตาล สีเหลือง
หรือสีแดงปะปนอยู่เป็นจำนวนมากในช่องดินล่างตอนบน และพบจุดประสีเหลืองฟางข้าวของสารจาโรไซต์
ในระดับความลึก 50-100 ซม. จากผิวดิน
พบบริเวณที่ราบตามชายฝั่งทะเลหรือที่ราบลุ่มภาคกลาง น้ำแช่ขังลึก 50-100 ซม. นาน
3-5 เดือน บางพื้นที่จะขังนาน 6-7 เดือน เป็นดินลึก มีการระบายน้ำเลว
มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ ดินมีปฏิกิริยาเป็นกรดมาก ถึงเป็นกรดจัด pH
4.5-5.0
ปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน:
ดินเป็นกรดจัดมาก
อาจขาดแร่ธาตุอาหารพืชพวกไนโตรเจนและฟอสฟอรัส
หรืออาจมีสารละลายพวกอลูมินั่มและเหล็กมากเกินไปจนเป็นพิษต่อพืช ฤดูฝนน้ำแช่ขังนาน
3-7 เดือน
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช:
เมื่อพิจารณาสภาพพื้นที่
ลักษณะเนื้อดินและการระบายน้ำของดิน กลุ่มชุดดินที่ 11
มีศักยภาพที่เหมาะสมที่จะใช้ทำนามากกว่าการปลูกพืชอย่างอื่น
ที่มีข้อจำกัดในการปลูกข้าว คือ ความเป็นกรดจัดของดินทำให้ผลผลิตของข้าวตกต่ำ
ในการที่จะนำกลุ่มชุดดินนี้ไปใช้ในการเพาะปลูกอย่างอื่น เช่น ไม้ผล หรือพืชผัก
จำเป็นต้องมีการปรับปรุงดินหรือพัฒนาที่ดินจึงจะสามารถในการปลูกพืชดังกล่าวได้
เนื่องจากในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำท่วมขังที่ผิวดินระหว่าง 4-6 เดือน
การใช้ประโยชน์ที่ดินควรใช้รูปแบบไร่นาส่วนผสม
กลุ่มชุดดินที่
11 (ชุดดินเสนา Sena
Series: Se)
การจำแนกดิน :Very-fine,
mixed, active, acid, isohyperthermicSulficEndoaquepts
การกำเนิด
:
ตะกอนน้ำทะเลผสมกับตะกอนลำน้ำ
สภาพพื้นที่ :
ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ
มีความลาดชัน 0-1%
การระบายน้ำ :
เลว
การไหลบ่าของน้ำบนผิวดิน :
ช้า
การซึมผ่านได้ของน้ำ :
ช้า
พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
:
ส่วนใหญ่ใช้ทำนา
การแพร่กระจาย :
บริเวณที่ราบน้ำทะเลเคยท่วมถึงทางด้านใต้ของที่ราบลุ่มภาคกลาง
การจัดเรียงชั้นดิน :
Apg-Sssg-Bssg-Bjg-Bg-Cg
ลักษณะและสมบัติดิน
:
เป็นดินลึก
ดินบนเป็นดินเหนียว สีดำหรือสีเทาเข้ม ถัดลงไปเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีน้ำตาล
และเป็นดินเลนสีเทา ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงกรดจัด (pH
4.5-5.5) ดินบนตอนล่างเป็นดินเหนียวสีน้ำตาลปนเทา
พบจุดประสีน้ำตาลแก่หรือแดงปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดรุนแรงมากถึงกรดจัดมาก (pH
4.0-4.5) ดินล่างตอนล่างเป็นดินเลนเหนียว สีเทาเข้มหรือสีเทา
จุดประสีเหลืองปนน้ำตาล
จะพบจุดประสีเหลืองฟางข้าวของสารประกอบกำมะถันปนอยู่ในระดับความลึกตั้งแต่ 50-100
ซม. และพบรอยไถลผิวหน้าอัดมันและผลึกยิปซัม
ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงกรดปานกลาง (pH
4.58-8.0)
ความลึก (ซม.) |
อินทรียวัตถุ |
ความจุ แลกเปลี่ยน
แคตไอออน |
ความอิ่มตัว เบส |
ฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ |
โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ |
ความอุดมสมบูรณ์ |
0-25 |
ปานกลาง |
สูง |
ปานกลาง |
ปานกลาง |
สูง |
ปานกลาง |
25-50 |
ต่ำ |
สูง |
ปานกลาง |
ต่ำ |
สูง |
ปานกลาง |
50-100 |
ต่ำ |
สูง |
ปานกลาง |
ต่ำ |
สูง |
ปานกลาง |
ชุดดินที่คล้ายคลึงกัน :
ชุดดินรังสิต
ชุดดินองครักษ์ ชุดดินธัญบุรี ชุดดินอยุธยา และชุดดินมหาโพธิ
ข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ :
ดินเป็นกรดจัดมาก
มีน้ำท่วมสูง 1 เมตร นาน 4-5 เดือน ใช้ทำนาหว่านได้เพียงอย่างเดียว ผลผลิตตกต่ำ
ในบริเวณพื้นที่ชลประทานใช้ทำนาดำ หรืออาจปลูกพืชผักและพืชไร่ในฤดูแล้ง
แต่ผลผลิตไม่ดีนัก
ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ :
ควรปรับสภาพกรดของดินให้เหมาะสม
โดยการใช้ปูนมาร์ล และไถคลุกเคล้ากับดินทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนฤดูปลูก
ควรปรับปรุงบำรุงดินโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีควบคู่กันเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติดินทั้งทางกายภาพและทางเคมีให้ดีขึ้น
ข้อมูลจาก:
แผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล สำนักงานเกษตรอำเภอบางบัวทอง
1.5
ลักษณะของแหล่งน้ำ
ภายในตำบลมีคลองธรรมชาติเป็นแนวเขตตำบลเป็นส่วนใหญ่
อีกทั้งยังมีลำคลองไหลผ่านทุกหมู่บ้าน มีอยู่ 8 ลำคลองที่เป็นคลองธรรมชาติ คือ
(1)
คลองลากค้อน อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 5, 6 และ 7
(2)
คลองลำรี อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 1, 2, 8 และ 9
(3)
คลองลำโพ อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 และ 3
(4)
คลองเจ๊ก อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 และ 8
(5)
คลองตาคล้าย อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 7
(6)
คลองเกาะดอน อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 4
(7)
คลองถนนรถไฟเก่า อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 1 และ 5
(8)
คลองขุนนคร อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 2
และอีก
1 ลำคลอง เป็นคลองชลประทานคือ
คลองคันแอน อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 และ 3
น้ำในลำคลองสามารถนำไปใช้เพื่อการเพาะปลูกได้อย่างพอเพียง
สภาพพื้นที่เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
ปัจจุบันมีการใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรน้อยลง
เนื่องจากนำมาใช้สร้างโรงงานอุตสาหกรรม คลังเก็บสินค้า หมู่บ้านจัดสรร ร้านอาหาร
ที่อยู่อาศัย ทำให้เริ่มเปลี่ยนแปลงจากชุมชนเกษตรกรรมเป็นชุมชนเมืองที่ได้รับความเจริญแพร่กระจายจากกรุงเทพมหานคร
2. ด้านการเมือง/การปกครอง
2.1
เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 หมู่บ้าน
คือ
หมู่ที่ ๑ บ้านถนนรถ
หมู่ที่ ๒ บ้านสุเหร่าลำรี
หมู่ที่ ๓ บ้านเกาะลอย
หมู่ที่ ๔ บ้านเกาะดอน
หมู่ที่ ๕ บ้านคลองลากค้อน
หมู่ที่ ๖ บ้านลากค้อน
หมู่ที่ ๗ บ้านสุเหร่าแดง
หมู่ที่ ๘ บ้านลำรี
หมู่ที่ ๙ บ้านคลองลำรี
2.2การเลือกตั้ง
องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ประกอบด้วยการปกครองท้องที่ ๙ หมู่บ้าน มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ๑๘ คน
(มาจากการเลือกตั้ง) นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 1 คน (มาจากการเลือกตั้ง)รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล
2 คน และที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนตำบล 1 คน
ไม่มีความขัดแย้งในการติดต่อประสานงานระหว่างท้องถิ่นกับท้องที่ ซึ่งประชาชนตำบลละหารให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและให้ความสำคัญกับประชาชนหมู่บ้าน
ประชาคมตำบลและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ประกอบด้วย
1. นายสมศักดิ์ อยู่เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
2. นายสุชาติ เชยเอม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
3. นางสาววรรณภา
วันแอเลาะ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
4. นายสมศักดิ์
เทศเซ็น ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ฝ่ายสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ประกอบด้วย
1. นายทองสุข แสงจันทร์ ประธานสภาอบต.ละหาร/สมาชิกสภาฯ หมู่ ๕
2. นายสมหวัง
คนตรง รองประธานสภาอบต.ละหาร/สมาชิกสภาฯ หมู่ ๔
3. นายบุญมี ชื่นสมศักดิ์ เลขานุการสภาอบต.ละหาร/ปลัด อบต.ละหาร
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ประกอบด้วย
1. นายเดชา มะปูเลาะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 1
2. นายประเสริฐ บินมูซา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 1
3. นายประดิษฐ เทศเซ็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร หมู่
2
4. -ว่าง- สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ ๒
5. นายสมศักดิ์ ขันประสิทธิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร หมู่ 3
6. นายทัศไนย แจ้งโพธิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ ๓
7. นายสมาน บุญยม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 4
8. นายประจบ แสงจันทร์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร หมู่
5
9. นายฮาบีบุลเลาะห์
ชูพุทธพงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ ๖
10. นายสมศักดิ์ อาจหาญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 6
11. นายมูฮำหมัด
เชื้อผู้ดี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ ๗
12. นายปรีชา วาแสนดี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร หมู่
7
13. นายสมเกียรติ
เจริญสุข สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 8
14. นางสาวปิยวรรณศิริแสน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร หมู่ 8
15. นายพรศักดิ์ บุญมาหา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 9
16. นายประเสริฐ
ลอมาเละ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
หมู่ 9
ตารางแสดงโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติขององค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๖ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๔ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๒ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๑ รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๙ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๓ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๘ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๗ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลละหารหมู่ที่
๕
3. ประชากร
3.1
ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชากร
จำนวนประชากร(ตามทะเบียนราษฎร์)ทั้งสิ้น2๑,905 คน แยกเป็น ชาย 1๐,592คน หญิง 1๑,313 คน
จำนวนครัวเรือน10,351 ครัวเรือน อัตราส่วนความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย ๑,205
คน ต่อตารางกิโลเมตร แยกเป็นรายหมู่บ้าน ดังนี้
ตารางแสดงจำนวนประชากรของตำบลละหารตามทะเบียนราษฎร์
หมู่ที่ |
ชื่อหมู่บ้าน |
ประชากร(คน) |
จำนวนครัวเรือน |
||
ชาย |
หญิง |
รวม |
|||
1 |
บ้านถนนรถ |
716 |
734 |
๑,๔50 |
๓85 |
2 |
บ้านสุเหร่าลำรี |
๑,667 |
๑,๗35 |
๓,402 |
๑,453 |
3 |
บ้านเกาะลอย |
๖83 |
๗82 |
๑,465 |
๕๔6 |
4 |
บ้านเกาะดอน |
๘๘9 |
๙23 |
๑,812 |
๙๕8 |
5 |
บ้านคลองลากค้อน |
๑,๕68 |
๑,700 |
๓,268 |
๑,๘76 |
6 |
บ้านลากค้อน |
494 |
502 |
996 |
410 |
7 |
บ้านสุเหร่าแดง |
๑,319 |
๑,360 |
๒,679 |
1,547 |
8 |
บ้านลำรี |
๑,145 |
๑,148 |
๒,293 |
๘65 |
9 |
บ้านคลองลำรี |
2,111 |
๒,429 |
๔,540 |
๒,311 |
รวมทั้งสิ้น |
1๐,592 |
11,313 |
๒1,905 |
10,351 |
ข้อมูลจากสำนักทะเบียนอำเภอบางบัวทอง
ณ เดือนพฤศจิกายน255๙
รูปแสดงข้อมูลประชากรชาย –
หญิง และครัวเรือนรวม 5 ปี
.ข้อมูลจากสำนักทะเบียนอำเภอบางบัวทอง
ณ เดือนพฤศจิกายน255๙
3.2ข้อมูลช่วงอายุและจำนวนประชากร
สถิติประชากร
แยกรายละเอียดตามจำนวนประชากร แยกตามช่วงอายุ (เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย)
ของตำบลละหารดังนี้
ตารางแสดงจำนวนประชากรแยกตามช่วงอายุของตำบลละหารตามทะเบียนราษฎร์
ประชากร |
ชาย |
หญิง |
รวม |
เยาวชนอายุต่ำกว่า 1-17 ปี |
2,870 |
2,734 |
5,604 |
ประชากรช่วงอายุ 18-60 ปี |
6,811 |
7,366 |
14,177 |
ประชากรอายุมากกว่า 60 ปี |
883 |
1,181 |
2,064 |
รวม |
10,564 |
11,281 |
21,845 |
ข้อมูลจากสำนักทะเบียนอำเภอบางบัวทอง
ณ เดือนพฤศจิกายน255๙
4. สภาพทางสังคม
4.1
การศึกษา
องค์การบริหารส่วนตำบลละหารได้มีการสนับสนุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ให้ได้รับความรู้
ความสามารถ ที่จะช่วยส่งเสริมและเพิ่มพัฒนาการให้เด็กได้ต่อยอดในการศึกษาที่สูงขึ้นต่อไป
โดยสามารถแยกรายละเอียด ดังนี้
ลำดับที่ |
ชื่อ/สังกัด |
รวม (แห่ง) |
๑ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก(สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร) |
๗ |
๒ |
โรงเรียนประถมศึกษา
(สังกัดสพฐ, อบจ. นนทบุรี) |
๖ |
๓ |
โรงเรียนมัธยมศึกษา
(สังกัดสพฐ. , อบจ. นนทบุรี) |
๔ |
๔ |
โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม(สังกัดกรมศาสนา) |
๑๓ |
๕ |
โรงเรียนเอกชน/อาชีวะ |
๒ |
รวมทั้งหมด |
๓๒ |
อัตรานักเรียนระดับปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอบต.ปีการศึกษา๒๕๕๘
จำนวนเด็กเล็ก(คน) |
จำนวนผู้ดูแลเด็ก(คน) |
||
ชาย |
หญิง |
รวม |
หญิง |
๒๑๙ |
๑๘๓ |
๔๐๒ |
๒๗ |
ข้อมูลจาก: กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ณ เดือนมิถุนายน๒๕๕๙
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ (สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร)จำนวน๗แห่ง ได้แก่
ลำดับที่ |
ชื่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอบต. |
สถานที่ตั้ง |
๑ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กน๊ะฮ์ฏอตุ๊ลอิสลาห์ |
หมู่ที่ ๒ |
๒ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเกาะลอย |
หมู่ที่ ๓ |
๓ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมูไฮยิดดีน |
หมู่ที่ ๖ |
๔ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสุเหร่าแดง |
หมู่ที่ ๗ |
๕ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขันติธรรม |
หมู่ที่ ๗ |
๖ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสุเหร่าเขียว |
หมูที่ ๘ |
๗ |
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแสงประทีป |
หมู่ที่ ๙ |
โรงเรียนประถมศึกษาในเขตพื้นที่จำนวน๖แห่งได้แก่
ลำดับที่ |
โรงเรียนประถมศึกษา/สังกัด |
สถานที่ตั้ง |
๑ |
โรงเรียนสุเหร่าปากคลองลำรี |
หมู่ที่ ๒ |
๒ |
โรงเรียนประสานสามัคคีวิทยา |
หมู่ที่ ๓ |
๓ |
โรงเรียนสุเหร่าลากค้อน |
หมู่ที่ ๖ |
๔ |
โรงเรียนซอและฮ์ศึกษา(อบจ.นนทบุรี) |
หมู่ที่ ๗ |
๕ |
โรงเรียนสุเหร่าเขียว |
หมู่ที่ ๘ |
๖ |
โรงเรียนแสงประทีปรัฐบำรุง |
หมู่ที่ ๙ |
โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตพื้นที่
จำนวน ๔แห่งได้แก่
ลำดับที่ |
โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น/สังกัด |
สถานที่ตั้ง |
๑ |
โรงเรียนสุเหร่าปากคลองลำรี |
หมู่ที่ ๒ |
๒ |
โรงเรียนสุเหร่าลากค้อน(อบจ.นนทบุรี) |
หมู่ที่ ๖ |
๓ |
โรงเรียนซอและฮ์ศึกษา
(อบจ.นนทบุรี) |
หมู่ที่ ๗ |
๔ |
โรงเรียนสุเหร่าเขียว (อบจ.นนทบุรี) |
หมู่ที่ ๘ |
โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในเขตพื้นที่จำนวน
๑๓แห่งได้แก่
ลำดับที่ |
โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม/สังกัด |
สถานที่ตั้ง |
๑ |
โรงเรียนอิสลามสัมพันธ์ สาขา ๑ |
หมู่ที่ ๑ |
๒ |
โรงเรียนอิสลามสัมพันธ์ สาขา ๓ |
หมู่ที่ ๑ |
๓ |
โรงเรียนอิสลามสัมพันธ์ ต้นสังกัด |
หมู่ที่ ๒ |
๔ |
โรงเรียนวิทยาทานอิสลาม |
หมู่ที่ ๓ |
๕ |
โรงเรียนอิสลามสัมพันธ์
สาขา ๒ |
หมู่ที่ ๔ |
๖ |
โรงเรียนมูไฮยิดดิน (สุเหร่าลากค้อน) |
หมู่ที่ ๖ |
๗ |
โรงเรียนฮู่ล่ามาอุดดีน(ขันติธรรม) |
หมู่ที่ ๗ |
๘ |
โรงเรียนอิสลามิยะห์ |
หมู่ที่ ๗ |
๙ |
โรงเรียนสุเหร่าแดง |
หมู่ที่ ๗ |
๑๐ |
โรงเรียนนูรุ้ลเอี๊ยะซาน |
หมู่ที่ ๗ |
๑๑ |
โรงเรียนดารุ้ลยันนะฮ์ |
หมู่ที่ ๗ |
๑๒ |
โรงเรียนนูรุ้ลอิสลาม (สุเหร่าเขียว) |
หมู่ที่ ๘ |
๑๓ |
โรงเรียนนูรุ้ลฮิดายะห์(สุเหร่าแสงประทีป) |
หมู่ที่ ๙ |
โรงเรียนเอกชน/อาชีวะในเขตพื้นที่จำนวน๒แห่งได้แก่
ลำดับที่ |
โรงเรียนอาชีวะ/สังกัด |
สถานที่ตั้ง |
๑ |
วิทยาลัยเทคโนโลยีอัรรอบิตี
|
หมู่ที่ ๒ |
๒ |
โรงเรียนญามีอุ้ลอิควาน |
หมู่ที่ ๗ |
4.2สาธารณสุข
องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
มีหน่วยพยาบาลที่ให้บริการประชาชนในเรื่องของการรักษาพยาบาล ดังนี้
๑. อาสาสมัครสาธารณสุขตำบลละหาร (อสม.) จำนวน
๑๑๐ คน
๒. กองทุนหลักประกันสุขภาพอบต.ละหาร จำนวน 1 แห่ง
๓. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน ๒ แห่ง คือ
๓.๑โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าแดง หมู่ที่ ๗มีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน ๓คนโดยมี นางอภัสรา ลาตีฟี รักษาการ ผอ.รพ.สต.
๓.๒โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าเขียว หมู่ที่ ๘มีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน ๕ คนโดยมี นายละเอิบ อิ่มมากรักษาการ
ผอ.รพ.สต.
ตารางแสดงบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าแดง
ประเภทบุคลากร |
จำนวน |
อัตราส่วนต่อประชากร |
หมายเหตุ |
๑.
แพทย์ |
- |
- |
- |
๒.
เภสัชกร |
- |
- |
- |
๓.
พยาบาลวิชาชีพ |
๑ |
๑ : ๗823 |
ประจำ |
๔. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข |
๒ |
๑ : ๓912 |
ประจำ |
๕. ทันตาภิบาล |
- |
- |
- |
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าแดง
ณ เดือนธันวาคม ๒๕๕๙
ตารางแสดงบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าเขียว
ประเภทบุคลากร |
จำนวน |
อัตราส่วนต่อประชากร |
หมายเหตุ |
๑.
แพทย์ |
- |
- |
- |
๒.
เภสัชกร |
- |
- |
- |
๓.
พยาบาลวิชาชีพ |
๑ |
๑ : ๑๑707 |
ประจำ |
๔. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข |
๑ |
๑ : ๑๑707 |
ประจำ |
๕. ทันตาภิบาล |
๑ |
๑ : ๑๑707 |
ประจำ |
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าเขียว
ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕9
ตารางแสดงจำนวนผู้ป่วยจำแนกตามสาเหตุการป่วย
๑๐อันดับย้อนหลัง 3
ปี
พ.ศ.2557-2559 ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าแดง
ลำดับ |
สาเหตุการป่วย |
สถิติผู้ป่วย
(คน) |
||
ปี 2557 |
ปี 2558 |
ปี 2559 |
||
1 |
โรคระบบทางเดินหายใจ |
2,502 |
2,845 |
2,964 |
2 |
โรคระบบกล้ามเนื้อ รวมโครงร่างและเนื้อเยื่อเสริม |
1,217 |
1,091 |
1,139 |
3 |
โรคระบบไหลเวียนโลหิต |
1,492 |
1,319 |
433 |
4 |
รวมโรคระบบย่อยอาหาร โรคในช่องปาก |
945 |
799 |
1,084 |
5 |
โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อและโภชนาการ |
1,519 |
1,706 |
1,480 |
๖ |
โรคตารวมส่วนประกอบของตา |
499 |
340 |
298 |
๗ |
ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรม |
37 |
81 |
50 |
๘ |
โรคติดเชื้อและปรสิต |
226 |
156 |
54 |
๙ |
โรคผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง |
110 |
56 |
45 |
๑๐ |
สาเหตุภายนอกอื่น ๆ
ที่ทำให้ป่วยหรือตาย |
13 |
75 |
92 |
ข้อมูลจาก
:
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าแดง
ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙
ตารางแสดงจำนวนผู้ป่วยจำแนกตามสาเหตุการป่วย๑๐อันดับย้อนหลัง
3
ปี
พ.ศ.2557-2559 ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าเขียว
ลำดับ |
สาเหตุการป่วย |
สถิติผู้ป่วย
(คน) |
||
ปี 2557 |
ปี 2558 |
ปี 2559 |
||
1 |
โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อและโภชนาการ |
57 |
58 |
105 |
2 |
โรคระบบทางเดินหายใจ |
438 |
417 |
1143 |
3 |
รวมโรคระบบย่อยอาหาร โรคในช่องปาก |
1,096 |
1,137 |
666 |
4 |
โรคติดเชื้อและปรสิต |
215 |
227 |
192 |
5 |
โรคระบบไหลเวียนโลหิต |
410 |
394 |
531 |
๖ |
โรคระบบกล้ามเนื้อ รวมโครงร่างและเนื้อเยื่อเสริม |
404 |
313 |
312 |
๗ |
ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรม |
34 |
32 |
51 |
๘ |
โรคผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง |
141 |
135 |
145 |
๙ |
โรคระบบสืบพันธุ์รวมปัสสาวะ |
84 |
115 |
60 |
๑๐ |
โรคตารวมส่วนประกอบของตา |
272 |
142 |
127 |
ข้อมูลจาก
:
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสุเหร่าเขียว
ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙
4.3การสังคมสงเคราะห์
ตารางแสดงการให้การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพคนชราคนพิการ
และผู้ป่วยเอดส์ในเขตตำบลละหารพ.ศ. 2560
ประเภท |
จำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือ (ราย) |
เงินเบี้ยยังชีพคนชรา |
1,911 |
เงินเบี้ยยังชีพคนพิการ |
395 |
เงินเบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ |
5 |
รวม |
2,706 |
หมายเหตุ ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2560
ข้อมูลผู้สูงอายุ
ผู้พิการ และผู้ป่วยเอดส์
จำนวนคนพิการหรือทุพพลภาพที่ขึ้นทะเบียนผู้รับเบี้ยยังชีพของ
อบต.ละหาร จำนวน 395คน
รวมจำนวนคนพิการ (ทั้งตำบล) 395คน
จำนวนผู้ป่วยเอดส์ที่ขึ้นทะเบียนผู้รับการช่วยเหลือ
จำนวน5คน
จำนวนผู้ป่วยเอดส์ที่ที่ขึ้นทะเบียนใหม่
ปี 2561จำนวน -คน
รวมผู้ป่วยเอดส์ (ทั้งตำบล) จำนวน
5 คน
จำนวนผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนผู้รับเบี้ยยังชีพของ
อบต.ละหาร จำนวน ๑,911คน
จำนวนผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนใหม่
ปี 2561 จำนวน 182คน
รวมผู้สูงอายุ (ทั้งตำบล) จำนวน 2,093คน
ตารางแสดงจำนวนผู้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
คนพิการ และผู้ป่วยเอดส์ ประจำปี 2560
หมู่ที่ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
รวม
(คน) |
ผู้สูงอายุ |
137 |
293 |
140 |
200 |
273 |
86 |
256 |
188 |
338 |
1,911 |
คนพิการ |
35 |
63 |
18 |
53 |
39 |
34 |
46 |
40 |
67 |
395 |
ผู้ป่วยเอดส์ |
- |
- |
- |
- |
1 |
- |
3 |
- |
1 |
5 |
รวม |
172 |
356 |
158 |
253 |
313 |
120 |
305 |
228 |
406 |
2,311 |
หมายเหตุ ข้อมูล
ณ เดือนมกราคม 2560
ตารางแสดงจำนวนผู้มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
คนพิการ ผู้ป่วยเอดส์ ประจำปี 2561
หมู่ที่ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
รวม
(คน) |
ผู้สูงอายุ |
12 |
26 |
16 |
14 |
25 |
5 |
14 |
19 |
51 |
182 |
คนพิการ |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
ผู้ป่วยเอดส์ |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
รวม |
12 |
26 |
16 |
14 |
25 |
5 |
14 |
19 |
51 |
182 |
หมายเหตุ ข้อมูล
ณ เดือนมกราคม 2560
5. ระบบบริการพื้นฐาน
5.1
การคมนาคมขนส่ง
การคมนาคมตำบลละหาร ใช้การคมนาคมทางบก
โดยทางรถยนต์เป็นหลักในการติดต่อสื่อสารและขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมโดยมีเส้นทางที่สำคัญ
ดังนี้
ถนนสายหลัก
ถนนลาดยางและคอนกรีต (ทางหลวงชนบท)จำนวน
3สาย ได้แก่
1. ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี
(ทางหลวงชนบท สาย340) เป็นถนนตัดผ่านตั้งแต่หมู่ที่
5, หมู่ที่ 6,หมู่ที่7, หมู่ที่ ๘, หมู่ที่ ๙
ตำบลละหาร เชื่อมกับตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี
เป็นถนนผิวจราจรลาดยาง ๔ เลนส์ ขนาดผิวจราจรกว้าง ๔ เมตร ระยะทางประมาณ ๗ กิโลเมตร
2.
ถนนบางบัวทอง-บางปะอิน
(ทางหลวงชนบทสาย ๓๗) เป็นถนนตัดผ่าน
หมู่ที่ ๕ ตำบลละหาร เชื่อมกับตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง เป็นถนนผิวจราจรคอนกรีต
๔ เลนส์ ขนาดผิวจราจรกว้าง ๔ เมตร ระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร
3.
ถนนบางบัวทอง-สะพานนนทบุรี
(ทางหลวงชนบท สาย ๓๔๕) เป็นถนนตัดผ่านหมู่ที่ ๔ ตำบลละหาร เชื่อมกับตำบลลำโพ
อำเภอบางบัวทอง เป็นถนนผิวจราจรลาดยาง ๔เลนส์ ขนาดผิวจราจรกว้าง ๔ เมตร เมตร
ระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร
ถนนสายรอง
๑. มีถนนลูกรัง/หินคลุก จำนวน ๘
สาย ได้แก่
ลำดับที่ |
ชื่อถนน/ซอย |
หมู่ที่ |
ระยะทาง (เมตร)/ |
ปีที่ก่อสร้าง |
1 |
ถนนเลียบคลองลากค้อน(งบไทยเข้มแข็ง) |
4 |
825 ม. |
2553-2555 |
2 |
ถนนซอยร่วมใจอุทิศ |
5 |
440 ม. |
2552 |
3 |
ถนนซอยทองสุข |
6 |
๗๕๐ ม. |
๒๕๕๐ |
4 |
ถนนซอยหมอหวัง |
7 |
๕๕๐ ม. |
๒๕๕๐ |
5 |
ถนนซอยวากัฟ (สะมะอุน)(งบไทยเข้มแข็ง) |
8 |
400 ม. |
2553-2555 |
6 |
ถนนซอยสะมะ |
8 |
270 ม. |
2553 |
7 |
ถนนซอยน้อยปลา |
8 |
160 ม. |
2553 |
8 |
ถนนซอยรอมลี |
8 |
200 ม. |
2553 |
๒. มีถนนลาดยางจำนวน๑๗สาย ได้แก่
ลำดับที่ |
รหัสสายทาง |
ชื่อสายทาง |
หมู่ที่ |
ระยะทาง (เมตร) |
ปีที่ก่อสร้าง |
1 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๖ |
ถนนซอยเกาะลอย |
๓ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๗๕๐ ม. |
๒๕๕๒ |
2 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๙ |
ถนนซอยโรงเรียนอิสลามสัมพันธ์
สาขา ๒ |
๔ |
กว้าง
๓ ม. ยาว ๑๕๐ ม. |
๒๕๕๖ |
3 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๒ |
ถนนซอยนุ่มกลิ่น |
๕ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๖๘๐ ม. |
๒๕๕๒ |
4 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๓ |
ถนนซอยชุมชนบ้านลากค้อน |
๕ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๘๐๕ ม. |
๒๕๕๒ |
5 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๗ |
ถนนซอยสง่างาม |
๖ |
กว้าง
๔ ม. ยาว ๔๐๐ ม. |
๒๕๕๕ |
6 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๘ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน |
๖ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๑,๐๘๙ ม. |
๒๕๕๕ |
7 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๙ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน (ข้างอำเภอบางบัวทอง) |
๖ |
กว้าง
๕.๕๐ ม. ยาว ๒๔๐ ม. |
๒๕๕๕ |
8 |
นบ.ถ๔๒-๐๒๑ |
ถนนซอยขันติธรรม ๒ |
๗ |
กว้าง
๔ ม. ยาว ๕๔๐ ม. |
๒๕๕๔ |
๙ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๒ |
ถนนทางเข้าโรงเรียน ญามีอุ้ลอิควาน |
๗ |
กว้าง
๔ ม. ยาว ๓๑๐ ม. |
๒๕๕๔ |
๑๐ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๕ |
ถนนเลียบคลองตาคล้ายใหญ่
(ตอนล่าง) |
๗ |
กว้าง
๕.๕๐ ม. ยาว ๑,๔๒๕ ม. |
๒๕๕๑ |
๑๑ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๗ |
ถนนซอยอนามัยสุเหร่าแดง |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๓๖๐ ม. |
๒๕๕๕ |
๑๒ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๘ |
ถนนซอยหลังสุเหร่าแดง |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๗๐๐ ม. |
๒๕๕๕ |
๑๓ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๙ |
ถนนเลียบคลองลากค้อนอนามัยสุเหร่าแดง |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๒๘๐ ม. |
๒๕๕๓ |
๑๔ |
นบ.ถ๔๒-๐๓๐ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๒,๐๐๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๕ |
นบ.ถ๔๒-๐๓๑ |
ถนนเลียบคลองลำรี |
๘ |
กว้าง
๔ ม. ยาว ๑,๔๙๐ ม. |
๒๕๕๕ |
๑๖ |
นบ.ถ๔๒-๐๓๓ |
ถนนซอยโดม |
๘ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๑,๑๑๕ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๗ |
นบ.ถ๔๒-๐๓๕ |
ถนนซอยโสมอนุสรณ์ |
๙ |
กว้าง
๖ ม. ยาว ๙๐๐ ม. |
๒๕๕๓ |
๓. มีถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน
๑๙ สาย ได้แก่
ลำดับที่ |
รหัสสายทาง |
ชื่อสายทาง |
หมู่ที่ |
ระยะทาง(เมตร) |
ปีที่ก่อสร้าง |
1 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๑ |
ถนนซอยเกาะดอน |
๑,๔ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๒,๑๐๐ ม. |
๒๕๕๐ |
2 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๒ |
ถนนซอยอิหม่ามซาฟีอี |
๑ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๑,๕๒๐ ม. |
๒๕๕๐ |
3 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๓ |
ถนนซอยสุเหร่าปากคลองลำรี |
๒ |
กว้าง
๔.๕๐ ม. ยาว ๓๐๐ ม. |
๒๕๕๕ |
4 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๔ |
ถนนซอยโรงเรียนสุเหร่า ปากคลองลำรี |
๒ |
กว้าง
๓.๕๐ ม. ยาว ๒๖๐ ม. |
๒๕๕๕ |
5 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๕ |
ถนนซอยมัสยิดอุ้ลยา |
๓ |
กว้าง
๓ ม. ยาว ๑๑๐ ม. |
๒๕๕๓ |
6 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๗ |
ถนนซอยบัววิคตอเรีย |
๔ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๔๑๐ ม. |
๒๕๕๒ |
7 |
นบ.ถ๔๒-๐๐๘ |
ถนนซอยนิมา |
๔ |
กว้าง
๕๐ ม. ยาว ๓๓๐ ม. |
๒๕๕๖ |
8 |
นบ.ถ๔๒-๐๑๐ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน |
๔ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๓๐๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๙ |
นบ.ถ๔๒-๐๑๑ |
ถนนซอยเจริญรัฐ |
๕ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๗๓๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๐ |
นบ.ถ๔๒-๐๑๔ |
ถนนซอยเทพประทานพร |
๕ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๗๘๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๑ |
นบ.ถ๔๒-๐๑๕ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน |
๕ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๑,๕๔๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๒ |
นบ.ถ๔๒-๐๑๖ |
ถนนเลียบคลอง ม.พิชามญชุ์ |
๕ |
กว้าง
๔.๕๐ ม. ยาว ๗๓๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๓ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๐ |
ถนนซอยขันติธรรม ๑ |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๕๑๐ ม. |
๒๕๕๓ |
๑๔ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๓ |
ถนนซอยสุเหร่าอิสลามิยะห์ |
๗ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๕๐๐ ม. |
๒๕๕๒ |
๑๕ |
นบ.ถ๔๒-๐๒๔ |
ถนนเลียบคลองตาคล้ายใหญ่
(ฝั่งสุเหร่าแดง) |
๗ |
กว้าง
๖ ม. ยาว ๑,๔๔๐ ม. |
๒๕๕๒ |
16 |
นบ.ถ๔๒-๐๒๖ |
ถนนเลียบคลองเจ็ก |
๗,๘ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๑,๐๓๐ ม. |
๒๕๕๒ |
ลำดับที่ |
รหัสสายทาง |
ชื่อสายทาง |
หมู่ที่ |
ระยะทาง (เมตร) |
ปีที่ก่อสร้าง |
17 |
นบ.ถ๔๒-๐๓๒ |
ถนนเลียบคลองลำรี (บ้านนายรอด) |
๘ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๙๖๕ ม. |
๒๕๕๖ |
18 |
นบ.ถ๔๒-๐๓๔ |
ถนนซอยแสงประทีป |
๙ |
กว้าง
๕ ม. ยาว ๙๙๐ ม. |
๒๕๕๓ |
19 |
นบ.ถ๔๒-๐๓๖ |
ถนนเลียบคลองลำรี |
๘,๙ |
กว้าง
๖ ม. ยาว ๓,๙๓๐ ม. |
๒๕๕๓ |
ทางเดินเท้าคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน๔ แห่ง ได้แก่
ลำดับที่ |
ชื่อทางเดินเท้า |
หมู่ที่ |
ระยะทาง
(เมตร) |
1 |
ทางเดินเท้าเลียบคลองลำรี |
1 |
ยาว ๓๕๐ ม. |
2 |
ทางเดินเท้าซอยสุเหร่าปากคลองลำรี |
2 |
ยาว ๗๐๐ ม. |
3 |
ทางเดินเท้าเลียบคลองละหาร- ลำโพ |
4 |
ยาว ๖๐๐ ม. |
4 |
ทางเดินเท้าเลียบคลองลากค้อน |
7 |
ยาว ๗๑๕ ม. |
สะพานเดินเท้าคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน๒ แห่ง ได้แก่
ลำดับที่ |
ชื่อสะพานทางเดินเท้า |
หมู่ที่ |
ระยะทาง
(เมตร) |
1 |
สะพานทางเดินเท้าข้างโรงสีเก่า(2551) |
2 |
ยาว ๑๙๘ ม. |
2 |
สะพานทางเดินเท้าริมคลองลำโพ (2552) |
3 |
ยาว 558 ม. |
เขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน๔ แห่ง ได้แก่
ลำดับที่ |
ชื่อเขื่อน |
หมู่ที่ |
ระยะทาง
(เมตร) |
1 |
เขื่อนเลียบคลองลากค้อน(2553) |
5 |
ยาว 105 ม. |
2 |
เขื่อนเลียบคลองลากค้อน(2553) |
6 |
ยาว 225 ม. |
3 |
เขื่อนริมคลองลำรี
(2553) |
8 |
ยาว 160.50
ม. |
4 |
เขื่อนริมคลองลำรี
(2552) |
9 |
ยาว 168 ม. |
๕ |
เขื่อนริมคลองลำรี (๒๕๕๗) |
๘ |
ยาว ๓๕๘ ม. |
๖ |
เขื่อนริมคลองลำรี
(๒๕๕๗) |
9 |
ยาว ๓๖๒ม. |
๗ |
เขื่อนริมคลองลำรี
(๒๕๕๘) |
9 |
ยาว ๑๕๐ม. |
๘ |
เขื่อนริมคลองลำรี
(๒๕๕๘) |
9 |
ยาว ๔๐๐ม. |
(ข้อมูลจาก : กองช่าง
องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร ณ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙)
5.2การไฟฟ้า
Üไฟฟ้าในเขตตำบลละหาร
มีไฟฟ้าเข้าถึงทุกหมู่บ้าน จำนวน ๙หมู่บ้าน และครอบคลุมทุกครัวเรือน
Üไฟฟ้าสาธารณะในเขตตำบลละหารเป็นบริการของการไฟฟ้านครหลวงเขตบางบัวทองซึ่งให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในเขตตำบลละหาร
แต่ยังมีบางถนนบางสายในพื้นที่ที่ยังไม่มีไฟฟ้าสาธารณะ
จึงจำเป็นต้องได้รับการติดตั้งให้ครอบคลุมอีกมากเพื่อรองรับความเจริญเติบโตของพื้นที่ในอนาคตโดยถนน/ซอยที่ได้รับการติดตั้งแล้ว
มีดังนี้
ลำดับที่ |
ชื่อถนน/ซอย |
หมู่ที่ |
๑ |
ซอยอิหม่ามซาฟีอี, ซอยถนนรถไฟเก่า |
๑ |
๒ |
ถนนละหาร - ลำโพ |
๒ |
๓ |
ถนนละหาร -
ลำโพ, ถนนเกาะลอย, ถนนชลประทาน |
๓ |
๔ |
ถนนซอยโรงเรียนสอนศาสนา, ถนนเกาะดอน |
๔ |
๕ |
ถนนรถไฟเก่า, ซอยเจริญรัฐ |
๕ |
๖ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน,ซอยสุเหร่าลากค้อน |
๖ |
๗ |
ถนนเลียบคลองลากค้อน,ถนนวัดสามง่าม |
๗ |
๘ |
ถนนเลียบคลองเจ๊กใหญ่ |
๗ |
๙ |
ซอยสุเหร่าเขียว |
๘ |
๑๐ |
ซอยสุเหร่าแสงประทีป, ซอยโสมอนุสรณ์ |
๙ |
5.3การประปา
Üระบบประปาในพื้นที่ตำบลละหาร
มีประปาเข้าถึงทุกหมู่บ้าน จำนวน ๙หมู่บ้าน แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกครัวเรือน
Ü
ระบบประปาในเขตตำบลละหารเป็นบริการของการประปานครหลวงเขตบางบัวทองซึ่งให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในเขตตำบลละหาร
แต่ยังมีบางครัวเรือนในพื้นที่ที่ยังไม่มีประปานครหลวงใช้
จึงจำเป็นต้องได้รับการติดตั้งให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรองรับความเจริญเติบโตของพื้นที่ในอนาคต
Üถังเก็บน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
มีจำนวน ๑๕แห่งดังนี้
ลำดับที่ |
ถังประปา |
ขนาด(ลบ.ม.) |
หมู่ที่ |
ผู้รับผิดชอบ |
๑ |
ประปาหอถัง |
๑๐ |
๑ |
สำนักงานโยธาธิการ
จ.นนทบุรี |
๒ |
ประปาหอถัง |
๑๕ |
๒ |
สำนักงานโยธาธิการ
จ.นนทบุรี |
๓ |
ประปาถังน้ำใส |
๑๐ |
๗ |
อบต.ละหาร |
๔ |
ประปาหอถัง |
๑๕ |
๗และ ๙ |
อบต.ละหาร |
๕ |
ประปาหอถัง |
๑๐ |
๓,๕,๗(๒แห่ง)
และ ๘(๒แห่ง) |
อบต.ละหาร |
๖ |
ประปาถังน้ำใส |
๖๐ |
๑,๕,๗และ ๙ |
อบต.ละหาร |
6. ระบบเศรษฐกิจ
6.1
การเกษตร
ตำบลละหาร มีพื้นที่สำหรับทำการเกษตร
ดังนี้
Øพื้นที่ทำนา 2,705 ไร่ จำนวน 144
ครัวเรือน มีการทำนาตลอดทั้งปี ทั้งนาปี, นาปรัง การทำนาจะทำแบบการหว่าน น้ำตม
ผลผลิตเฉลี่ยนาปรังไร่ละ 970 กิโลกรัม นาปีไร่ละ 950 กิโลกรัม
พันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกส่วนใหญ่ เป็นพันธุ์ข้าวที่ทางราชการส่งเสริม ได้แก่
ข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี 1,2 ชัยนาท 1 ปทุมธานี 1 พันธุ์ กข 23 และพันธุ์พิษณุโลก 2
เป็นต้น
Øพื้นที่ทำสวน 640.50 ไร่ จำนวน 701ครัวเรือน
จะทำการยกร่องสวน หรือเกษตรกรที่มีพื้นที่น้อยก็จะปลูกตามบริเวณบ้าน
ไม้ผลที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นจำพวก มะม่วง ขนุน และมะพร้าว
6.2การประมง
ตำบลละหารมีพื้นที่ทำการประมง 217 ไร่
จำนวน 74 ครัวเรือน เกษตรกรจะทำการขุดบ่อเลี้ยงปลาในบริเวณใกล้ๆ บ้าน
การเลี้ยงปลาก็จะเลี้ยงปลาจำพวกปลากินพืชเป็นส่วนใหญ่
6.3
การปศุสัตว์
ตำบลละหารมีเกษตรกรจำนวน
152 ครัวเรือนทำการเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเป็นชาวมุสลิม สัตว์ที่เลี้ยง ได้แก่
ไก่พื้นเมือง, แพะ, แกะ, วัว เป็นต้น
การเลี้ยงสัตว์มักจะทำคอกกันในบริเวณบ้านและออกปล่อยตามทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
6.4การบริการ
ในพื้นที่ตำบลละหารมีแหล่งบริการด้านการเงิน
และอุตสาหกรรมบริการ ดังนี้
J ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด
(มหาชน)จำนวน1 แห่ง คือสาขาย่อย 333 แฟคทอรี่แลนด์ บางบัวทอง ตั้งอยู่เลขที่
333/51-52 หมู่ 9 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบล ละหาร อำเภอบางบัวทอง
จังหวัดนนทบุรี
Jธนาคารกรุงเทพ จำกัด
(มหาชน) จำนวน 1 แห่ง คือสาขาถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 40/14 หมู่ 9
ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
Jสถานีบริการน้ำมัน จำนวน๑4แห่ง
Jสถานีบริการปั้มแก๊ส(LPG) จำนวน ๖ แห่ง
Jสถานีบริการปั้มแก๊ส(NGV) จำนวน ๑
แห่ง
6.5การท่องเที่ยว
ในพื้นที่ตำบลละหารมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
คือบัววิคตอเรีย (บัวกระด้ง)เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดูดีมีสไตล์เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายพันธุ์บัวกระด้งของจังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่เลขที่
๖๖/๗หมู่ที่๔ตำบลละหารอำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีโทร ๐๘-๙๐๕๗-๒๒๘๙, ๐๘-๗๙๑๑-๘๘๐๑
6.6อุตสาหกรรม
ในพื้นที่ตำบลละหาร
มีอุตสาหกรรมที่หลากหลายอาทิ อุตสาหกรรมโรงงาน และกิจการต่างๆ ดังนี้
Jโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 20แห่ง
Jคลังสินค้าขนาดใหญ่ จำนวน ๔แห่ง
Jบริษัท/ห้างหุ้นส่วน จำนวน
173แห่ง
Jโรงสี จำนวน ๑
แห่ง
Üในพื้นที่ตำบลละหาร
มีกิจการพาณิชย์ ดังนี้
J
หมู่บ้านจัดสรร จำนวน 20แห่ง
Jบ้านเช่า จำนวน
๑20 แห่ง
Jร้านขายยา จำนวน ๕ แห่ง
Jร้านค้าบริการทั่วไป จำนวน324 แห่ง
Jร้านอาหาร จำนวน ๕
แห่ง
J
คลินิก จำนวน ๑
แห่ง
Jโรงฆ่าสัตว์ขนาดเล็ก จำนวน ๑ แห่ง
(ข้อมูลจาก
ฝ่ายพัฒนาและจัดเก็บรายได้ กองคลัง ณ เดือนธันวาคม ๒๕๕๙)
Üในพื้นที่ตำบลละหารมีกลุ่มผู้ผลิต/ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายและผู้ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์
OTOP จำนวน๗กลุ่มประกอบด้วย
(๑) ผลิตภัณฑ์นมแพะ
(๒) ผลิตภัณฑ์ทองม้วนนมแพะ
(๓)เครื่องสาน
(๔) เครื่องหอมไทย
(๕) วิสาหกิจชุมชนมาลัยบัววิคตอเรีย (บัวกระด้ง)
(๖) กฤตาพรสมุนไพร
(๗) บ้านสมุนไพรพูลสุข
7. เศรษฐกิจพอเพียงท้องถิ่น
(ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำ)
7.1 ข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้านหรือชุมชน
มีจำนวน
9หมู่บ้าน และมีข้อมูลพื้นฐานแต่ละหมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ที่ |
หมู่บ้าน |
ประชากร |
รวม (คน) |
หลังคาเรือน |
เนื้อที่ประมาณ (ไร่) |
|
ชาย (คน) |
หญิง (คน) |
|||||
1 |
บ้านถนนรถ |
716 |
734 |
๑,๔50 |
๓85 |
912.50 |
2 |
บ้านสุเหร่าลำรี |
๑,667 |
๑,๗35 |
๓,402 |
๑,453 |
425 |
3 |
บ้านเกาะลอย |
๖83 |
๗82 |
๑,465 |
๕๔6 |
750 |
4 |
บ้านเกาะดอน |
๘๘9 |
๙23 |
๑,812 |
๙๕8 |
585 |
5 |
บ้านคลองลากค้อน |
๑,๕68 |
๑,700 |
๓,268 |
๑,๘76 |
1,750 |
6 |
บ้านลากค้อน |
494 |
502 |
996 |
410 |
1,031 |
7 |
บ้านสุเหร่าแดง |
๑,319 |
๑,360 |
๒,679 |
1,547 |
2,393 |
8 |
บ้านลำรี |
๑,145 |
๑,148 |
๒,293 |
๘65 |
1,400 |
9 |
บ้านคลองลำรี |
2,111 |
๒,429 |
๔,540 |
๒,311 |
2,100 |
|
รวม |
1๐,592 |
11,313 |
๒1,905 |
10,351 |
11,346.50 |
7.2 ข้อมูลด้านการเกษตร
(ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม
2559)
หมูที่ |
พื้นที่ ทำนา (ไร่) |
พื้นที่ ทำสวน (ไร่) |
พื้นที่ ปลูกผัก (ไร่) |
พื้นที่ ปลูกพืชไร่ (ไร่) |
พื้นที่ ปลูกไม้ประดับ (ไร่) |
อื่นๆ (ไร่) |
1 |
162 |
295 |
- |
- |
- |
- |
2 |
239 |
32 |
- |
- |
- |
- |
3 |
173 |
12 |
- |
- |
- |
- |
4 |
145 |
27 |
- |
- |
- |
- |
5 |
673 |
8 |
- |
- |
- |
- |
6 |
257 |
14.5 |
- |
- |
- |
- |
7 |
431 |
75 |
- |
- |
- |
- |
8 |
256 |
60 |
- |
- |
- |
- |
9 |
314 |
117 |
- |
- |
- |
- |
รวม |
2,650 |
640.50 |
- |
- |
- |
- |
7.3 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำทางการเกษตร
แหล่งน้ำทางการเกษตรของตำบลละหาร
มีแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ดังนี้ คือลำคลองที่เป็นคลองธรรมชาติ คือ
(1)
คลองลากค้อน อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 5, 6 และ 7
(2)
คลองลำรี อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 1, 2, 8 และ 9
(3)
คลองลำโพ อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 2 และ 3
(4)
คลองเจ๊ก อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 7 และ 8
(5)
คลองตาคล้าย อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 7
(6)
คลองเกาะดอน อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 4
(7)
คลองถนนรถไฟเก่า อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 1 และ 5
(8)
คลองขุนนคร อยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 2
7.4 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำกิน
น้ำใช้ (หรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค)
(ข้อมูล
ณ เดือนธันวาคม 2559)
หมู่ที่ |
บ่อบาดาลสาธารณะ |
บ่อน้ำตื้นสาธารณะ |
ประปาหมู่บ้าน (ของ อปท.) |
ระบบประปา
(การประปาส่วนภูมิภาค) |
แหล่งน้ำธรรมชาติ |
||||||||||
จำนวน (แห่ง) |
ใช้ได้ (แห่ง) |
ใช้ไม่ได้ (แห่ง) |
จำนวน (แห่ง) |
ใช้ได้ (แห่ง) |
ใช้ไม่ได้ (แห่ง) |
จำนวน (แห่ง) |
ใช้ได้ (แห่ง) |
ใช้ไม่ได้ (แห่ง) |
จำนวน (แห่ง) |
ใช้ได้ (แห่ง) |
ใช้ไม่ได้ (แห่ง) |
จำนวน (แห่ง) |
ใช้ได้ (แห่ง) |
ใช้ไม่ได้ (แห่ง) |
|
1 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
1 |
1 |
- |
1 |
1 |
- |
3 |
3 |
- |
2 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
1 |
1 |
- |
3 |
3 |
- |
3 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
1 |
1 |
- |
1 |
1 |
- |
1 |
1 |
- |
4 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
1 |
1 |
- |
2 |
2 |
- |
5 |
1 |
- |
- |
- |
- |
- |
2 |
2 |
- |
1 |
1 |
- |
2 |
2 |
- |
6 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
1 |
1 |
- |
1 |
1 |
- |
7 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
5 |
5 |
- |
1 |
1 |
- |
3 |
3 |
- |
8 |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
2 |
2 |
- |
1 |
1 |
- |
2 |
2 |
- |
9 |
1 |
- |
- |
- |
- |
- |
2 |
2 |
- |
1 |
1 |
- |
1 |
1 |
- |
รวม |
2 |
- |
- |
- |
- |
- |
13 |
13 |
- |
9 |
9 |
- |
- |
- |
- |
8. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม
8.1 การนับถือศาสนา
ประชากรดั้งเดิมของตำบลละหารส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ
๙๐ เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ในปัจจุบันนี้ตำบลละหารได้พัฒนาไปเป็นชุมชนเมืองมีผู้คนเข้ามาอยู่ในตำบลละหารมาก แต่ประชากรของตำบลละหารประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรในตำบลละหารทั้งหมดเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม
ตำบลละหารจึงเป็นตำบลที่มีสุเหร่าหรือมัสยิดมากถึง ๗ แห่ง ดังนี้
(๑)
มัสยิดน๊ะฮ์ฎอตุ้ลอิสลาห์หรือสุเหร่าปากคลองลำรี
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่
๒ ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรี
มัสยิดในปัจจุบันนี้เป็นมัสยิดหลังที่ ๔
ที่ได้สร้างขึ้นในชุมชนมุสลิมปากคลองลำรี
มีความสวยงามตั้งอยู่ริมคลองลำโพฝั่งตะวันออกตรงข้ามปากคลองลำรี
อาคารมัสยิดเป็นอาคาร ๒ ชั้น กว้าง ๒๐ เมตร
ยาว ๔๐ เมตร ชั้นบนมีชานต่อออกไปทางทิศเหนือและทิศใต้
ด้านหน้ามีโดมขนาดใหญ่ ๑ โดม มีดาดฟ้าทางด้านหลังของอาคารมัสยิด
มีหออาซานสูงจากชั้นดาดฟ้า ๑๘ เมตร หออาซานมีความสวยงามแลเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล
มัสยิดน๊ะฮ์ฎอตุ้ลอิสลาห์หลังที่
๔ นี้ เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่มาก
มีพื้นที่ถึง ๘๐๐ ตารางเมตร
สามารถจุผู้ทำนมัสการได้ถึง ๘๐๐ คน ชั้นบนเป็นที่นมัสการพระเจ้า
ชั้นล่างเป็นอาคารอเนกประสงค์ การก่อสร้างอาคารมัสยิดใช้เวลา ๑๘ ปี ระหว่าง พ.ศ.
๒๕๐๗ – ๒๕๒๕ ปัจจุบันมี ฮัจยีอับดุลฮากีม
วันแอเลาะ เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด
(๒)มัสยิดอุ้ลยา
ตั้งอยู่หมู่ที่
๓ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีได้ก่อตั้งมาประมาณ ๔๑ปี เดิมเป็นโรงเรียนสร้างอย่างเรียบง่าย
หลังคามุงสังกะสี ฝาจากพ.ศ.๒๕๓๗ได้สร้างอาคารเรียนเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กในชื่อโรงเรียนวิทยาทานอิสลาม
พ.ศ.
๒๕๔๕ ได้จัดตั้งเป็นมัสยิดชื่อว่า มัสยิดอุ้ลยา ปัจจุบันมี นายฮาริสปูเต๊ะ
เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด
(๓)มัสยิดมูไฮยิดดีน
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๖ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีเดิมเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นชุมชนเล็กๆ
มีบ้านเรือนที่อยู่ในชุมชนประมาณ ๒๐ หลังคาเรือน
ไม่มีมัสยิดสำหรับประกอบศาสนกิจในชุมชน
ชาวบ้านต้องเดินทางไปละหมาดวันศุกร์หรือวันออกอีด
(วันตรุษอีดิ้ลฟิตริและวันตรุษอีดิ้ลอัดฮา) วันสำคัญทางศาสนาอิสลามหรือเมื่อมีคนในชุมชนเสียชีวิต
ต้องไปประกอบพิธีทางศาสนาที่มัสยิดน๊ะฮ์ฎอตุ้ลอิสลาห์ (สุเหร่าปากคลองลำรี)
หรือที่มัสยิด ดารุ้ลอาบีดีน
(สุเหร่าแดง) ซึ่งอยู่ไกลไม่สะดวกในการเดินทางในเวลาต่อมาผู้คนในชุมชนมีมากขึ้น ความคิดว่าควรมีมัสยิดในชุมชนของตนมีมากขึ้น
ด้วยผู้คนในชุมชนได้เห็นชอบร่วมกันว่าควรมีมัสยิดในชุมชนของตน
ผู้อาวุโสในชุมชนโดยการนำของอิหม่ามฮัจยีมะห์มุด เชื้อผู้ดี
ได้ไปติดต่อขอที่ดินจากท่านโต๊ะกีฮัจยีฮูเซน เพื่อสร้างมัสยิดพร้อมกุโบร (สุสาน)
ได้รับบริจาคที่ดินจำนวน ๗ ไร่ ๓ งาน ๔๓
ตารางวา จากท่านโต๊ะกีฮัจยีฮูเซน จึงได้สร้างมัสยิดเป็นที่ประกอบศาสนกิจพร้อมสุสานและโรงเรียนประชาบาล
เป็นประโยชน์แก่ผู้คนในชุมชนมาจนถึงปัจจุบันนี้โดยมี ฮัจยีอับดุลฮาลีม
เจริญสุขวิทยา เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด
(๔)
มัสยิดอัรเราะห์มาตุ้ลอิสลามิยะห์
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่
๗ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๐โต๊ะกีมะฮ์ โต๊ะวังสาย
และบรรดาลูกหลานทั้งหมดเป็นทายาทของหลวงกามาและหลวงสะมะแอ ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวมุสลิมบ้านท่าอิฐ มีตระกูลเชื้อผู้ดี
ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนที่บริเวณคลองลากค้อนเป็นกลุ่มแรก
จากนั้นมีชาวมุสลิมจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้เข้ามาอยู่ในชุมชนแห่งนี้ด้วย
โต๊ะกีมะฮ์และโต๊ะวังสาย
ได้อุทิศที่ดินของท่านและสร้างบ้านเป็นสถานที่สอนศาสนาและประกอบศาสนกิจ ต่อมาโต๊ะครูมะมุด เชื้อผู้ดี
ซึ่งเป็นเขยของโต๊ะกีมะฮ์และเป็นผู้มีความรู้ทางศาสนาอิสลามดี ได้จัดตั้งสถาบันสอนศาสนาอิสลามียะห์ขึ้นในที่ดินที่ได้รับบริจาค
เป็นอาคารไม้ตั้งอยู่ริมคลองลากค้อน
ต่อมาอาคารที่สร้างไว้นั้นชำรุดทรุดโทรม
จึงได้มีการสร้างอาคารมัสยิดขึ้นใหม่แทนหลังเดิม และได้ย้ายมาสร้างติดกับถนนตลิ่งชัน –
สุพรรณบุรี เพื่อความสะดวกแก่ผู้มาประกอบศาสนกิจและเรียนหนังสือปัจจุบันมี
ฮัจยีอะห์หมัด และซัน เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด
(๕)มัสยิดดารุ้ลอาบีดีน(สุเหร่าแดง)
ตั้งอยู่ริมคลองลากค้อนหมู่ที่ ๗ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีผู้คนในชุมชนแห่งนี้ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมคลองลากค้อนเมื่อกว่า
๑๐๐ ปีมาแล้ว
ครอบครัวแรกที่เข้ามาหักร้างถางป่าเพื่อทำนาคือฮัจยีมูโซ๊ะห์และโต๊ะคอดีเยาะห์ ซึ่งเป็นชาวบ้านท่าอิฐ อำเภอ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เมื่อไถหว่านปักดำข้าวเสร็จแล้วกลับไปที่บ้านท่าอิฐ
เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงมาเก็บเกี่ยวข้าว
ต่อมาจึงได้ปลูกสร้างบ้านเรือนและสร้างมัสยิดขึ้น
ฮัจยีซอและห์ แมะกัน บุตรชายของท่านเป็นอิหม่าม
มัสยิดหลังปัจจุบันนี้เป็นมัสยิดหลังที่ ๓ สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นอาคารไม้สักทั้งหลัง หลังคาทรงปั้นหยา ด้านทิศตะวันตกมีมุข
หน้าจั่วมุขประดับด้วยไม้ฉลุลายแบบเรือนขนม ปังขิงที่สวยงาม ด้านข้างมีระเบียงตลอด
ระหว่างเสาระเบียงประดับไม้ฉลุเป็นม่านแหวกที่สวยงาม
ที่หน้าบันมุขมีตัวเลขบอกปีที่สร้างอาคารมัสยิด ๒๔๗๖ ด้านหน้ามัสยิดเป็นหออาซาน
เป็นอาคารสูง ๔ ชั้น ฮัจยีอับดุลเกาะฮ์ฮารมนัสวกุล
ดำรงตำแหน่งอิหม่ามมัสยิดดารุ้ลอาบีดีน คนปัจจุบัน
อาคารมัสยิดดารุ้ลอาบีดีนหรือสุเหร่าแดงและหออาซาน
เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามมากหลังหนึ่งในอำเภอบางบัวทอง
(๖)มัสยิดนูรุ้ลอิสลาม
(สุเหร่าเขียว)
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่
๘ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีแชบะห์เรนได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างมัสยิดและร่วมบริจาคเงินเพื่อใช้ในการสร้างมัสยิด
มัสยิดหลังแรกสร้างเป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยา หลังคาสังกะสี ต่อมาอาคารมัสยิดหลังแรกทรุดโทรมลง
จึงได้สร้างอาคารมัสยิดหลังที่ ๒ มีโต๊ะเยาะห์ (แก่)เซ็นเยาะ เป็นอิหม่าม ต่อมาในชุมชนมีสัปบุรุษมากขึ้น
มัสยิดคับแคบไม่สามารถที่จะรองรับบรรดาสัปบุรุษที่มาร่วมประกอบศาสนกิจ จึงมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒ ชั้น เมื่อโต๊ะเยาะห์ (แก่) ถึงแก่กรรม ฮัจยีอะห์หมัด เจริญสุข
ดำรงตำแหน่งอิหม่ามสืบต่อมา ปัจจุบันมีอาจารย์อุมัร เจริญสุข
เป็นอิหม่ามมัสยิดนูรุ้ลอิสลามคนปัจจุบัน
(๗)มัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (สุเหร่าแสงประทีป)
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่
๙ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทองจังหวัดนนทบุรีแต่เดิมในชุมชนไม่มีมัสยิดสัปบุรุษในชุมชนต้องไปละหมาดวันศุกร์และวันอีดที่มัสยิดยามาลุดดีน พ.ศ. ๒๕๐๗ ฮัจยีหวัง
อยู่เจริญ บริจาคที่ดิน ๒๐๐ ตารางวา โต๊ะนิ บริจาคที่ดิน ๖๐๐ ตารางวา
เพื่อสร้างมัสยิด
ชาวบ้านในชุมชนได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างมัสยิดหลังแรกเป็นอาคารไม้
ต่อมาฮัจยะห์แมะ
ตะนีสะมิ ได้บริจาคที่ดินให้มัสยิด ๓ ไร่ เพื่อสร้างโรงเรียนประชาบาลแสงประทีป
พ.ศ.
๒๕๑๒ ได้สร้างมัสยิดหลังใหม่แทนหลังเดิม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น ขนาดกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๑.๕๐ เมตร
ชั้นบนเป็นที่ทำการนมัสการละหมาดวันศุกร์ ส่วนชั้นล่างเป็นที่สอนอัลกุรอาน
อาคารมัสยิดหลังใหม่มีการวางศิลารากฐานเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ อาจารย์ซาฟีอี วันแอเลาะ
ให้เกียรติเป็นประธานวางศิลารากฐานปัจจุบันมี ฮัจยีอับดุลฮากีมอยู่เจริญ
เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด(ที่มา :
จากหนังสือท้องถิ่นบางบัวทอง)
8.2 ประเพณีและงานประจำปี
ตำบลละหาร มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม
และวันสำคัญทางศาสนา ทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่
ศาสนาพุทธ ประกอบด้วย
๑)
ประเพณีสงกรานต์เป็นวันสำคัญหนึ่งของชาวไทย
ซึ่งเป็นประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ จัดขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน
ภายในงานมีการทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในหมู่บ้านประเพณีสงกรานต์จัดขึ้นทุกหมู่บ้านทั่วตำบล
สำหรับองค์การบริหารส่วนตำบลละหารจัดตามโอกาสสมควรในช่วงสงกรานต์ของทุกปี
บริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
๒)
ประเพณีลอยกระทงเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น
15 ค่ำ เดือน
12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา มักจะตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคาบางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที
และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ
ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
สำหรับองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร จัดในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี บริเวณริมคลองลากค้อน
๓)
ประเพณีแห่เทียนพรรษามีต้นกำเนิดจากความเชื่อในเรื่องการถวายเทียนพรรษาให้แก่วัด
ซึ่งเป็นโบราณประเพณีที่ทำสืบๆ มาเป็นเวลาช้านาน เมื่อถึงฤดูเข้าพรรษา
ภิกษุทั้งปวงต้องจำพรรษาในวัดเป็นเวลา 3 เดือน
พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงได้จัดทำให้เป็นกุศลพิธีขึ้น
เมื่อได้นำเทียนไปถวายพระสงฆ์แล้ว ท่านก็จะได้จุดบูชาต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถ
ต่อมาจึงเริ่มมีการประกวดด้านการตกแต่งและประดับต้นเทียนกันของชุมชนต่าง ๆ
จึงทำให้เกิดเป็นประเพณีแห่เทียนพรรษาขึ้นงานประเพณีแห่เทียนพรรษา มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาไว้ซึ่งขนมธรรมเนียมประเพณีทางศาสนาของพุทธศาสนิกชน
ในช่วงก่อนวันเข้าพรรษา ชาวชุมชนต่าง ๆ
จะมารวมตัวกันเพื่อประดิษฐ์ลวดลายสำหรับประดับต้นเทียนพรรษา
เมื่อถึงวันงานก็จะมีการเคลื่อนย้ายต้นเทียนไปสู่วัด
การถ่ายทอดเกิดขึ้นขณะที่คนในชุมชนมารวมตัวกันเพื่อทำเทียน
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่จะมาเรียนรู้และฝึกร่วมกัน งานประเพณีแห่เทียนเป็นงานประจำปีงานหนึ่ง
ซึ่งถือได้ว่าดังไปทั่วโลก
คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและรู้สึกภาคภูมิใจกับงานประเพณีนี้ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีสำหรับองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร
จัดร่วมกับอำเภอบางบัวทองเป็นประจำทุกปี โดยมีประชาชนในตำบลละหาร
มาร่วมแห่เทียนพรรษามุ่งสู่วัดละหาร
๔) วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญหนึ่งของชนชาวไทย หมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓
เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ
โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์สำหรับในตำบลละหาร ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธก็จะรวมตัวกันไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ใกล้เคียง
๕) วันวิสาขบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย
ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายนถือเป็นวันสำคัญที่สุดทางพระพุทธศาสนา
เนื่องจากล้วนมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันที่พระศาสดา
คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชานี้ และในวันที่ 13
ธันวาคม พ.ศ. 2542 องค์การสหประชาชาติได้ยอมรับญัตติที่ประชุม
กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก โดยเรียกว่า Vesak Day ตามคำเรียกของชาวศรีลังกา ผู้ที่ยื่นเรื่องให้สหประชาชาติพิจารณา
และได้กำหนดวันวิสาขบูชานี้ถือเป็นวันหยุดวันหนึ่งของสหประชาชาติอีกด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญเนื่องในวันประสูติ ตรัสรู้
และปรินิพพานของพระบรมศาสดา โดยการที่สหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกนั้น
ได้ให้เหตุผลไว้ว่า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์
เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา
เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ โดยไม่คิดค่าตอบแทนสำหรับในตำบลละหาร ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธก็จะรวมตัวกันไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ใกล้เคียง
๖) วันอาสาฬหบูชาตรงกับวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๘ นับเป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา
คือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้
เป็นครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ มฤคทายวัน
ตำบลอิสิปตนะ เมืองพาราณสี
ในชมพูทวีปสมัยโบราณซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
ด้วยพระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็นธรรมราชา ก็ทรงบันลือธรรมเภรียังล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า
เริ่มต้นแผ่ขยายอาณาจักรแห่งธรรม นำความร่มเย็นและความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชาสำหรับในตำบลละหาร ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธก็จะรวมตัวกันไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ใกล้เคียง
๗) วันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ
วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล
มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ
ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น
ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ
เริ่มตั้งแต่วันแรม 1
ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า "ปุริมพรรษา"ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง
ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1
ค่ำ
เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 11
เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา"
๘) วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 11 เป็นสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา
หรือออกจากพรรษาที่ได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน
ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์
หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเทพบุตรพุทธมารดา
ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่ชั้นดาวดึงส์
พุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะกระทำการบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร
จัดกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัดและฟังพระธรรมเทศนาสำหรับในตำบลละหาร
ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธก็จะรวมตัวกันไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ใกล้เคียง
ศาสนาอิสลาม ประกอบด้วย
๑)วันเมาลิดคำว่าเมาลิดเป็นภาษาอาหรับ
แปลว่าวันประสูติของท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ตรงกับจันทร์ที่ 12 เดือนรอบิอุ้ลเอาวัล ณ นครเมกกะฮ ประเทศ
ซาอุดีอาระเบียเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองคล้ายวันเกิดของท่านศาสดามูฮำหมัดในวันดังกล่าว
ชาวมุสลิมจะได้จัดงานถวายความรำลึกถึงท่านศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.)
ในพิธีจะมีการนำประวัติของท่านศาสดามากล่าวถึงเป็นโวหารสดุดี
มีทั้งการกล่าวด้วยร้อยแก้วและร้อยกรอง ซึ่งจะใช้หนังสือ อัลบัรซันญี ในการอ่าน
วัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณท่านศาสดาผู้มีพระคุณและแสดงความกตเวทิตาคุณ
และเป็นประหนึ่ง เพื่อสอนให้เยาวชนได้รู้จักบุคคลสำคัญทางศาสนา
นอกจากนี้ยังมีการอ่านคัมภีร์อัล-กุลอ่าน การอ่านดูอาขอพรจากองค์อัลเลาะฮ์
เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาแล้วก็จะมีการทำบุญเลี้ยงกันที่มัสยิดหรือที่บ้าน
ปัจจุบันมีการจัดวันเมาลิดรวมกันเป็นระดับตำบล อำเภอ หรือจังหวัด
เรียกว่างานเมาลิดกลาง มีการประกวดการอ่านพระคัมภีร์อัลกุลอาน และแสดงปาฐกถาธรรม
กล่าวถึงผลงานและคุณธรรมของท่านนบีมูฮำหมัด สำหรับในตำบลละหาร
ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามก็จะรวมตัวกันจัดงานที่มัสยิดในพื้นที่ของตนเอง
๒) วันอาซูรออ์ช่วงเวลา
ตรงกับวันที่ ๑๐ เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีของศาสนาอิสลาม
(ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี)ความเป็นมาของการกวนข้าวอาซูรอ
หรือกวนขนมอาซูรอสืบเนื่องจากได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในสมัยนบีนุฮ (อล)
ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไร่นาของประชาชนและสาวกของนบีนุฮ (อล)
และคนทั่วไปอดอาหาร นบีนุฮ (อล) จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของเหลือพอจะรับประทานได้
ให้เอามากองรวมกัน และให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน
เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันโดยทั่วหน้า
การกวนข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ)
เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ
เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน
คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน
การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ
เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน
เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน
จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกันสำหรับในตำบลละหาร
ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามก็จะรวมตัวกันจัดงานที่มัสยิดในพื้นที่ของตนเอง
๓) การถือศีลอดมาจากภาษาอาหรับว่า
"อัศ-เศาม" หรือ "อัศ-ศิยาม" ในทางภาษาหมายถึง การละ การงด
การระงับยับยั้ง การควบคุม ครองตน เช่น การละความชั่ว ยับยั้งสิ่งต่างๆ
ที่เกิดจากอารมณ์ฝ่ายต่ำ ส่วนความหมายในทางศาสนา หมายถึง
การละเว้นการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม การร่วมสังวาสระหว่างรุ่งสาง
จนตะวันลับขอบฟ้า งดเว้นการพูดจาโกหก เหลวไหล ไร้สาระ เว้นจากการประพฤติชั่ว
ทั้งโดยลับและเปิดเผย ถือปฏิบัติตามแบบอย่างที่ท่านศาสดามุฮัมหมัด(ซ .ล.)
ได้ทรงกำหนดไว้โดยให้ควบคุม พร้อมทั้งมือ เท้า หู ตา ใจ ลิ้น และอวัยวะทุกส่วนมิให้ใช้ไปในทางไร้สาระโดยจะกระทำในเดือนรอมฎอน
(เดือนที่ 9 ตามปฏิทินทางจันทรคติของอิสลาม) ของทุกปี
เป็นเวลาประมาณ 29 ถึง 30 วัน ถูกกำหนดบังคับใช้สำหรับมุสลิมทุกคน ซึ่งถูกบัญญัติในเดือนซะอบาน
(เดือนที่ 8) หลังจากท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ.ล.) อพยพจากมักกะฮสู่มาดีนะฮได้
2 ปี (ปีฮิจเราะฮ์ที่ 2) และได้ปฏิบัติกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ การถือศีลอดเป็นการทดลองและฝึกหัดร่างกาย
ให้รู้จักอดกลั้น ให้รู้จักสภาพอันแท้จริงของผู้ที่อัตคัดขัดสน
ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกัน เป็นการขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วพ้นจากอำนาจใฝ่ต่ำ
และมีคุณธรรม
๔) วันอีดิ้ลฟิตริตรงกับวันขึ้น
1
ค่ำ
เดือนเชาวาล ซึ่งเป็นเดือน 10 ตามปฏิทินอิสลาม
ซึ่งเป็นวันออกบวช หรือ เสร็จสิ้นจากเดือนแห่งการถือศีลอด เป็นวันรื่นเริงประจำปี
ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน
เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคนมีความสุขมาก
มุสลิมจะมีการประกอบพิธีกรรมพร้อมเพรียงกันทั่วโลก ในวันอีดีลฟิตรี
มุสลิมทุกคนจะต้องจ่ายซะกาตฟิตเราะห์คือ การบริจาคทานแก่คนยากจนอนาถาสำหรับในตำบลละหาร
ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามก็จะรวมตัวกันจัดงานที่มัสยิดในพื้นที่ของตนเอง
๕) วันอีดิ้ลอัฎฮาตรงกับวันที่
10
เดือน
ซุลฮิจยะห์ หรือตรงกับเดือน 12 ของปฏิทินอิสลาม
ซึ่งเป็นการฉลอง วันออกฮัจญ์จะมีการเชือดสัตว์เป็นพลี แล้วจะทำกุรบัน
แจกจ่ายเนื้อเพื่อเป็นทานแก่ญาติมิตร สัตว์ที่ใช้ในการเชือดพลี ได้แก่
อูฐ วัว แพะ เป็นการขัดเกลาจิตใจของมนุษย์ให้เป็นผู้บริจาค
เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ และในวันสำคัญดังกล่าว
ชาวมุสลิมจะเดินทางกลับภูมิสำเนาของตน
มาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะ สังสรรค์กับเพื่อน
ญาติพี่น้อง เพื่อจะได้ขออภัยต่อกันสำหรับในตำบลละหาร
ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามก็จะรวมตัวกันจัดงานที่มัสยิดในพื้นที่ของตนเอง
9. ทรัพยากรธรรมชาติ
9.1 น้ำ
ในเขตพื้นที่ตำบลละหารมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติจำนวน
๖ สายดังนี้
๑.คลองลำรี
แยกจากคลองลำโพไปทางทิศตะวันตกขนานกับคลองพระราชาพิมลตัดกับคลองขุดใหม่หรือคลอกเจ็ก
จากนั้นไปบรรจบคลองลากค้อนในเขตอำเภอไทรน้อย
๒. คลองลากค้อน
เป็นคลองที่ขุดแยกจากคลองลำโพไปทางทิศตะวันตกขนานกับคลองลำรี ผ่านตำบลละหาร
ตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานีไปบรรจบคลองพระยาบันลือ ที่อำเภอลาดบัวหลวง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๓. คลองเจ็กหรือคลองขุดใหม่
คลองเจ๊กขุดแยกจากคลองพระราชาพิมลฝั่งทิศเหนือที่ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง
ตรงไปอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี
๔. คลองตาคล้าย หรือคลองตาคล้ายใหญ่ เป็นคลองขุดแยกจากคลองพระราชา
พิมลฝั่งทิศเหนือใกล้วัดไทรน้อยแต่เดิมคลองตาคล้ายเป็นคลองเล็กที่ขุดจากคลองพระราชาพิมลตรงไปวัดคลองตาคล้ายในเขตอำเภอไทรน้อย
จังหวัดนนทบุรี
ต่อมามีการขุดคลองลากค้อนแยกจากคลองพระยาบันลือที่อำเภอลาดบัวหลวง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเข้าคลองพระราชาพิมล จึงมีการขุดคลองลากค้อนในช่วงที่ผ่านอำเภอลาดหลุมแก้ว
จังหวัดปทุมธานี แยกไปทางทิศตะวันตกผ่านตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อย
จังหวัดนนทบุรี ไปบรรจบคลองตาคล้ายที่ใกล้ปากคลองตาคล้าย และขุดขยายปากคลองตาคล้ายให้กว้างกว่าเดิม ชาวบ้านจึงเรียกว่า คลองตาคล้ายใหญ่ คลองนี้จึงช่วยระบายน้ำจากคลองพระยาบันลือซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาส่งน้ำเข้าสู่คลองพระราชาพิมล
และคลองซอยต่างๆ ในอำเภอบางบัวทองและอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
การขุดคลองสายนี้จึงขุดใกล้ปากคลองตาคล้ายที่แยกจากคลองพระราชาพิมลไปบรรจบปลายคลองลากค้อนที่ขุดแยกจากคลองพระยาบันลือที่บ้านอ่างแตก
เพื่อระบายน้ำจากคลองพระยาบรรลือเข้าในคลองพระราชาพิมล
๕. คลองลำโพ คลองลำโพขุดผ่านตำบลละหารทางทิศตะวันออก
มีคลองลำรีและคลองลากค้อนขุดแยกคลองลำโพ
คลองนี้รับน้ำจากคลองบางบัวทองและคลองขวางบนที่ตำบลคลองข่อย อำเภอปากเกร็ด
จังหวัดนนทบุรี
๖. คลองขุด คลองขุดเป็นคลองชลประทานที่ขุดผ่านในตำบลละหารเพื่อเป็นคลอง
ส่งน้ำให้แก่ชาวนาที่ทำนาช่วงระหว่างคลองลากค้อนและคลองลำรีได้มีน้ำเพียงพอในการทำนา
(ข้อมูลจาก
: หนังสือท้องถิ่นบางบัวทอง)