อำเภอ
งาว
งาว เป็นหนึ่งใน
13 อำเภอของจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ประมาณ
1,815 ตารางกิโลเมตร
เป็นอำเภอที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดลำปาง
อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 650 กิโลเมตร
เป็นอำเภอยุทธศาสตร์ชายแดนที่มีบริเวณชายแดนติดต่อกันถึงสามจังหวัดได้แก่ จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่และจังหวัดลำปาง
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภองาวตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด
ที่ว่าการอำเภอปัจจุบันตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน สายลำปาง-พะเยา
บริเวณบ้านหนองเหียง
ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ
83 กิโลเมตร
จากตัวเมืองพะเยาประมาณ
50 กิโลเมตร
และจากตัวเมืองแพร่ประมาณ
89 กิโลเมตร
มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
·
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอวังเหนือและ อำเภอเมืองพะเยา (จังหวัดพะเยา)
·
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอดอกคำใต้ (จังหวัดพะเยา)
และอำเภอสอง (จังหวัดแพร่)
·
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอสอง (จังหวัดแพร่)
และอำเภอแม่เมาะ
·
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอแจ้ห่ม
อำเภองาวหรือเดิมเรียกว่า เมืองงาว ปรากฏชื่อตามประวัติศาสตร์ล้านนามาแต่ตั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์
นับตั้งแต่พระเจ้ากาวิละเถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นเป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ได้มีการเริ่มฟื้นฟูระบบการปกครองหัวเมืองน้อยใหญ่ในอาณาจักรล้านนาใหม่
โดยแบ่งหัวเมืองน้อยใหญ่ออกเป็น
4 ระดับ
ได้แก่เมืองประเทศราช
เมืองชั้นเอก
เมืองชั้นโท
เมืองชั้นตรี เมืองงาว มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกของอาณาจักรล้านนา แบ่งออกได้ 8
เมืองได้แก่ เมืองเชียงราย
เมืองพะเยา
เมืองเชียงแสน
เมืองเชียงของ
เมืองปาย
เมืองตาก
เมืองฝาง
และเมืองงาว ประวัติศาสตร์เมืองงาวโบราณมีประวัติศาสตร์การตั้งบ้านเมืองมายาวนาน
เป็นเมืองปราการหน้าด่านที่สำคัญขึ้นกับเมืองเขลางค์นคร (นครลำปาง)
ตำนานเมืองงาวโบราณมีประวัติศาสตร์การสร้างเมืองเกี่ยวข้องกับเมืองหิรัญเงินยางหรือโยนกเชียงแสน
เชียงแสน ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพระเจ้าชัยศิริเจ้าเมืองเชียงแสนได้ถูกข้าศึกรุกรานบ่อยครั้งจากเงี้ยว
แกว มอญ จีนอพยพผู้คนหนีภัยสงครามลงมาทางตอนใต้ทำให้อาณาจักรโยนกเชียงแสนล่มสลาย
กลุ่มหนึ่งนั้นได้มาอาศัยอยู่เมืองภูกามยาวหรือเมืองพะเยาเป็นต้นตระกูลขุนเจือง
ขุนจอมธรรมแห่งแคว้นพะเยา
อีกกลุ่มหนึ่งอพยพมาทางใต้ตามขุนเขาอาศัยลำน้ำงาว
ดอยห้วยอุ้มปากบ่องผาแดง
อาศัยอยู่ในบริเวณอำเภองาวปัจจุบัน
คนกลุ่มนี้ได้สร้างบ้านสร้างเมืองเล็ก
ๆ
ขึ้นมีพ่อเมืองปกครองสืบต่อมามีเจ้าเมืองเชื้อสายพระยางำเมือง
นามว่าเจ้าแสนเมืองซึ่งบอกแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองงาวและแคว้นพะเยาเป็นว่าเมืองงาวเป็นลูกข้างหางเมืองของเมืองพะเยา
อยู่ใต้อำนาจการปกครองของแคว้นพะเยา
โดยยึดรูปแบบการปกครองแบบเวียงต่างๆ
แบบแคว้นพะเยาคือมีการสร้างเวียงรอบๆ
เป็นเวียงบริวารกินอาณาบริเวณกว้างขวาง
ได้แก่
เวียงบน
เวียงแหง
เวียงปิน
เวียงทิพย์
เวียงแป้น
แต่ละเวียงมีขุนเวียงเป็นผู้ปกครอง
มีจุดศูนย์กลางที่เวียงบน
บริเวณวัดศรีมุงเมืองในปัจจุบัน
ต่อมาได้ขึ้นกับเมืองนครลำปางโดยชื่อบ้านนามเมืองปรากฏตามตำนานหนึ่งกล่าวว่าเมืองงาวเดิมชื่อว่าเมืองเงินมีเจ้าผู้ครองนครที่เข้มแข็งชำนาญการสงคราม
มีความเชี่ยวชาญในการณรงค์สงคราม
มีการใช้
ของ้าว เป็นอาวุธสำคัญการรบ
เมื่อข้าศึกจากหัวเมืองลื้อ
เมืองเขิน
เมืองเงี้ยว
เข้ามารุกรานก็ไม่อาจรุกล้ำเข้าไปถึงเมืองเขลางค์นครได้
เมื่อข้าศึกล่วงล้ำเข้าเขตแดนเมืองเงินก็ถูกตีแตกพ่ายกลับไปทุกครั้ง
เจ้าผู้ครองเมืองเงินได้อาสาปราบปรามข้าศึก
พวกฮ่อ เงี้ยว
ที่มารุกรานถึงหัวเมืองเงี้ยว
หัวเมืองลื้อ
หัวเมืองเขิน
จนถึงแคว้นสิบสองปันนา ได้รับชัยชนะจนเป็นที่ร่ำลือ
เจ้าเมืองเขลางค์นครได้ประทานง้าวด้ามเงินเป็นบำเหน็จคุณงามดีและความกล้าหาญ
เป็นที่ยินดีแก่ชาวเมือง
จึงเรียกเจ้าเมืองว่า พระยาง้าวเงิน และเรียกชื่อเมืองว่า เมืองง้าวเงิน กาลเวลาผ่านมาได้เรียกเพี้ยนเป็น เมืองงาว ตามลำดับ
หลังจากที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองหัวเมืองใหม่เป็น
มณฑล จังหวัด
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระปิยมหาราช
เมืองงาว
ขึ้นอยู่กับจังหวัดลำปาง
มณฑลมหาราษฎร์
เป็นหนึ่งในอำเภอแรกเริ่มของจังหวัดลำปาง
ได้แก่
อำเภอเมืองลำปาง
อำเภอสบยาว
อำเภอป่าตัน
อำเภอแม่ทะ
อำเภอเกาะคา
อำเภอสบปราบ
อำเภอหางสัตว์
อำเภอแจ้ห่ม
อำเภอเมืองลอง
อำเภอเมืองเถิน
และอำเภอเมืองงาว
ปีพุทศักราช
๒๕๘๑ มีพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงชื่ออำเภอใหม่
จากอำเภอเมืองงาว
เปลี่ยนเป็น
อำเภองาว
จนถึงปัจจุบัน
อีกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ
เมืองงาวเป็นสถานที่ประทับและสวรรคตของพ่อขุนงำเมือง เจ้าเมืองพะเยา
สหายร่วมน้ำสาบานกับสองมหาราชคือ พญามังรายมหาราชแห่งนครเชียงใหม่และพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัย ตามตำนานกล่าวไว้ว่า
"เมื่อพ่อขุนงำเมืองได้มอบราชกิจต่าง
ๆ
ในการปกครองบ้านเมืองให้พญาคำแดงราชบุตร
แล้วเสด็จได้ไปประทับพักผ่อนที่เมืองงาว
ปี พ.ศ. 1841 พ่อขุนงำเมืองก็สิ้นพระชนม์
รวมพระชนมายุได้
60 ปี"
อำเภองาวแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น
10 ตำบล 84 หมู่บ้าน ได้แก่
ที่ |
ชื่อตำบล |
อักษรโรมัน |
จำนวนหมู่บ้าน |
จำนวนครัวเรือน |
จำนวนประชากร[1] |
1. |
หลวงเหนือ |
Luang Nuea |
6 |
2,077 |
4,850 |
2. |
หลวงใต้ |
Luang Tai |
8 |
2,017 |
5,882 |
3. |
บ้านโป่ง |
Ban Pong |
10 |
2,145 |
6,918 |
4. |
บ้านร้อง |
Ban Rong |
11 |
2,146 |
6,591 |
5. |
ปงเตา |
Pong Tao |
11 |
2,485 |
7,654 |
6. |
นาแก |
Na Kae |
5 |
1,128 |
4,725 |
7. |
บ้านอ้อน |
Ban On |
8 |
1,441 |
4,765 |
8. |
บ้านแหง |
Ban Haeng |
8 |
2,006 |
6,514 |
9. |
บ้านหวด |
Ban Huat |
6 |
1,580 |
4,867 |
10. |
แม่ตีบ |
Mae Tip |
5 |
1,280 |
4,346 |
ท้องที่อำเภองาวประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10
แห่ง
ได้แก่
·
เทศบาลตำบลหลวงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหลวงเหนือทั้งตำบล
·
เทศบาลตำบลหลวงใต้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหลวงใต้ทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโป่งทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านร้อง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านร้องทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลปงเตา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปงเตาทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลนาแก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาแกทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านอ้อน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านอ้อนทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านแหงทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหวด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านหวดทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ตีบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่ตีบทั้งตำบล
·
โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งแรกประจำอำเภอ
·
โรงเรียนประชาราชวิทยา
โรงเรียนมัธยมศึกษา
·
โรงเรียนดอนไชยวิทยา
โรงเรียนเอกชนแห่งแรกของอำเภอ
·
โรงเรียนอนุบาลงาวภาณุนิยม
โรงเรียนอนุบาลประจำอำเภอ
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
·
มหาวิทยาลัยพะเยา ตามถนนพหลโยธิน ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา ห่างจากอำเภองาวประมาณ
32 กิโลเมตร
·
ประเพณีตานตุงซาววา
ในเทศกาลป๋าเวณีปีใหม่เมือง
·
ป๋าเวณีปีใหม่เมืองง้าวเงิน
·
ป๋าวเณีล่องสะเปาจาวเวียงง้าวเงิน
·
ประเพณีดำหัวเจ้าพ่อประตูผา
สะพานข้ามลำน้ำงาว เป็นสะพานโยงแห่งแรกของประเทศและเป็นสัญลักษณ์ของอำเภองาว
ตั้งอยู่บ้านน้ำจำตำบลหลวงใต้และบ้านเกาะตำบลหลวงเหนือ
เดิมใช้เป็นทางสัญจรมายังตัวอำเภองาวจะเห็นสะพานแขวนโครงเหล็กมีทางเดินทำด้วยไม้ขนาดกลางทอดตัวผ่านแม่น้ำงาว
เห็นแล้วสะดุดตากับผู้คนที่ได้พบเห็น
ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งพักผ่อนในช่วงยามเย็น
บนสะพานโยงจะไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะทุกชนิดวิ่งผ่าน
โดยสร้างที่กั้นรถวิ่งบนสะพาน
ส่วนบริเวณทางขึ้นสะพานจะมีร้านค้าตั้งขายสินค้า
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวสามารถศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอำเภองาว
อำเภอเล็ก ๆ ที่มีตลาดขนาดน้อย
ๆ
กับวิถีชีวิตที่อาศัยริมแม่น้ำงาว
หล่มภูเขียว
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ในพื้นที่หมู่ที่
6 ตำบลบ้านอ้อน
อำเภองาว
จังหวัดลำปาง
มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่
เนื้อที่ราว 1-2
ไร่
มีความลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม
ความลึกนั้นไม่สามารถระบุได้
สันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์
หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน
แล้วจมลงใต้น้ำ
เรียกว่าหลุมยุบ
(Sink Hole) ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ
และมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
วัดม่อนทรายนอน
สร้างเมื่อปีพุทธศักราช
2386 ชาวอำเภองาวนิยมเรียกว่าวัดดอย
ตามตำนานปรากฏเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าแปลงกายเป็นทรายเพื่อโปรดสรรพสัตว์และถูกนายพรานตามล่าจนถึงสถานที่ตั้งวัดปัจจุบัน
และการปกครองมีเจ้าอาวาสจำนวน
4 รูป คือ
พระน้อย
สจจญาโณ
พระส่วยละ
พระสุนทรและพระน้อย
ปัจจุบันมีพระครูสถิตธรรมพิทักษ์
เจ้าคณะตำบลบ้านแหงเป็นเจ้าอาวาส
ทางขึ้นสู่วัดม่อนทรายนอน
(วัดดอย)
สามารถขึ้นได้สองทางได้แก่ทางถนนและทางบันไดนาค
ซึ่งมีความสูงประมาณ
300 กว่าขั้น
ตั้งอยู่ตำบลบ้านหวด
บนถนนพหลโยธิน
สายลำปาง-งาว
ห่างจากตัวอำเภองาว
10 กิโลเมตร
วัดจองคำเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง
โดยสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่โดดเด่นเป็นศิลปะแบบไทยใหญ่
สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวพม่าที่มารับจ้างทำสัมปทานป่าไม้ที่เขตอำเภองาว
ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด
ตัววิหารชัยภูมิศิลปะแบบไทยใหญ่หลังเดิมถูกรื้อย้ายมาไปไว้
ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ หลังที่เห็นปัจจุบันเป็นศิลปะที่สร้างขึ้นมาใหม่ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี ได้มีการยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง วัดจองคำได้รับคัดเลือกให้สถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง
ชั้นตรี
ชนิดสามัญ ถือเป็นพระอารามหลวงลำดับที่สามของจังหวัดลำปาง
นอกจากนี้ยังเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำจังหวัดลำปาง
แต่ละปีนักเรียนปริยัติธรรมสามารถสอบเปรียญธรรมบาลีได้ตั้งแต่ประโยคหนึ่งจนถึง
ป.ธ.9 ได้รับพระราชทานอุปสมบทเป็นนาคหลวงจำนวนมาก
เจ้าอาวาสลำดับปัจจุบันและเจ้าสำนักได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ
ในราชทินนามว่า พระเทพปริยัติมงคล
ศูนย์วิจัยกีฏวิทยาป่าไม้ที่
1 ตั้งอยู่ริมถนนสายพหลโยธินจากจังหวัดลำปางไปพะเยา-
เชียงราย
ห่างจากตัวจังหวัดลำปางราว
72 กิโลเมตร
หากท่านไม่รีบร้อนนัก
ท่านสามารถขับรถยนต์ไปเรื่อยๆ
ชมทิวทัศน์ป่าไม้
ภูเขา
ทั้งสองฝั่งถนน
บนเส้นทางสายนี้
เป็นเส้นทางที่มีแหล่งแวะพักท่องเที่ยว
ทั้งเชิงประวัติศาสตร์
การศึกษา และ
ธรรมชาติ
เช่น แหล่งภาพเขียนก่อนยุคประวัติศาสตร์ที่ประตูผา
ศาลเจ้าพ่อประตูผา
อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
สถานีฝึกนิสิตคณะวนศาสตร์
สถานีบำรุงพันธุ์ไม้สัก
สวนรุกขชาติห้วยทาก
และศูนย์วิจัยแมลงและจุลชีววิทยาป่าไม้ที่
1 เป็นต้น
แม้จะมีหลายช่วงเป็นทางภูเขา
แต่หากมีความระมัดระวังและไม่ขับรถเร็วจนเกินไปนัก
เส้นทางนี้ก็ดูจะไม่มีอันตราย
เพราะทุกวันนี้เป็นถนน
4 เลนแล้ว
อีกทั้งรถราก็ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม
ศูนย์ฯ
อยู่ก่อนถึงอำเภองาวราว
12 กิโลเมตร
ตำนานเจ้าพ่อประตูผา
กล่าวว่าท่านเป็นขุนพลทหารเอกของเจ้าหลวงลิ้นก่าน
เจ้าผู้ครองนครลำปาง
มีตำแหน่งเป็น
พญามือเหล็ก ท่านได้สร้างวีรกรรมสละชีวิตช่วยเจ้าหลวงลิ้นก่านจากการรุกรานของกองทัพพม่า
ตำนานกล่าวว่า
กองทัพพม่าได้ยกกองทัพมาทางทิศเหนือเพื่อกรีฑาทัพเข้าตีเมืองนครลำปาง
ณ
บริเวณช่องประตูผา
เมืองนครลำปางขณะนั้นมีฐานะเป็นนครรัฐอิสระมีเจ้าผู้ครองนคร
(เจ้าหลวง)
ปกครองภายใต้อาณาจักรหริภัญชัย
กองทัพเจ้าหลวงลิ้นก่านได้ยกทัพออกต้านทัพพม่าที่บริเวณช่องประตูผา
เมื่อกองทัพทั้งสองปะทะกัน
ต่างฝ่ายต่างเสียรี้พลเป็นเป็นจำนวนมาก
กองทัพเมืองนครลำปางเพี้ยงพล้ำเสียทีทัพพม่า
ถูกทหารพม่าล้อมไว้บริเวณปากถ้ำประตูผา
พญามือเหล็กได้พาทหารเข้าสู้รบเพื่อปกป้องเจ้าหลวงจนสุดความสามารถ
เพื่อประวิงเวลารอทัพหนุนจากเมืองหริภัญชัยลำพูนมาช่วย
จนถูกทหารพม่าฆ่าตายจนหมดสิ้น
เหลือแต่พญามือเหล็กเพียงคนเดียว
พญามือเหล็กยังคงยืนถืออาวุธขวางปากถ้ำต่อสู้กับทหารพม่าเป็นกำลังสามารถ
ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
เข่นฆ่าทหารพม่าตายลงเป็นจำนวนมาก
จนทหารพม่าหวาดเกรงไม่สามารถผ่านเข้าไปในถ้ำที่ซ่อนของเจ้าหลวงลิ้นก่านได้แม้แต่คนเดียว
ในที่สุดพญามือเหล็กได้เหนื่อยเจียนจะขาดใจตาย
ก่อนจะตายยังมีจิตสำนึกได้ว่าหากตนเองล้มลงเมื่อใดแล้ว
ทหารพม่าที่เหลือจะต้องเข้าไปทำร้ายเจ้าหลวงของตนเป็นแน่แท้
จึงไม่ยอมล้มลงเด็ดขาด
และต่อสู้กับทหารพม่าต่อไปจนตัวเองขาดใจตายในท่ายืนถืออาวุธ
ส่วนทหารพม่าที่เหลืออยู่ก็เข็ดขยาดไม่มีใครกล้าเข้ามาต่อสู้ด้วย
ได้แต่ล้อมเอาไว้จนกระทั่งกองทัพหนุนของเมืองลำพูนยกตามมาช่วยทัน
พม่าจึงถอยทัพหนีกลับไปเนื่องจากกำลังที่เหลืออยู่ไม่สามารถจะสู้ต่อได้
เมื่อพม่าเลิกทัพกลับไปแล้วเจ้าหลวงลิ้นก่านได้พบว่า
พญามือเหล็กได้เสียชีวิตลงแล้ว
โดยที่ยังยืนถืออาวุธยืนจังก้าพิงผนังหน้าปากถ้ำ
ทำให้เมืองนครลำปางรอดพ้นจากการรุกรานของพม่าได้
เจ้าหลวงลิ้นก่านได้สรรเสริญยกย่องวีรกรรมของพญามือเหล็ก
โดยยกย่องให้เป็นเจ้าพ่อประตูผานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นี่คือวีรกรรมอันกล้าหาญของเจ้าพ่อประตูผา
พญามือเหล็กทหารเอกของเจ้าหลวงลิ้นก่านแห่งเมืองนครลำปาง
กระทรวงกลาโหมได้อัญเชิญนามมาตั้งเป็นค่ายรบพิเศษประตูผา
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของทหารตราบจนปัจจุบัน
มีเนื้อที่ประมาณ
758,750 ไร่
ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอเมืองลำปางกับอำเภองาว
ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ
66 กิโลเมตร
ตรงกิโลเมตรที่
768-769 แยกเข้าทางเข้าบริเวณปากถ้ำประมาณครึ่งกิโลเมตร
รถยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณตีนถ้ำภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย สวยงามมาก
สลับซับซ้อนและมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมายที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป
เหตุการณ์ในประวัติที่สำคัญก็คือครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จประพาสถ้ำผาไท
ในครั้งนั้นได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อ ปปร.
ไว้ภายในถ้ำเพื่อเป็นพระเกียรติยศในการเสด็จประพาส
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม
ทางอุทยานฯ
มีบ้านพักบริการ
รายละเอียดให้ติดต่อฝ่ายจัดการอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
รัฐวิสาหกิจและธนาคาร
·
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภองาวบริษัท
ไปรษณีย์ไทย
จำกัด
สาขางาวสถานีเดินรถนครลำปาง
จังหวัดลำปาง
สาขางาว
(บริษัท ขนส่ง
จำกัด)ธนาคารทหารไทย สาขางาว
·
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขางาว
·
ธนาคารออมสิน สาขางาว
ข้อมูลโดย
https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภองาว