ประวัติความเป็นมาและอำนาจหน้าที่
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
1.
ประวัติความเป็นมา
1.1 เนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2506
คณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่าอุปสรรคของอุตสาหกรรมน้ำตาลซึ่งเป็นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้นคือการปลูกอ้อยและการผลิตน้ำตาลทรายยังมิได้เป็นตามหลักวิชาการโดยสมบูรณ์
ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงไม่สามารถที่จะส่งน้ำตาลที่เหลือจากการบริโภคภายในประเทศไปจำหน่ายต่างประเทศตามราคาตลาดโลกได้
เมื่อได้พิจารณาถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายที่จะพึงมีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตแล้ว
จึงได้เสนอหลักการแก้ไขปัญหาน้ำตาลระยะยาวต่อคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2508
มีมติเห็นขอบด้วยจึงได้ตราพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2508
ขึ้นเพี่อยกเลิกพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย พ.ศ. 2504 เสียตั้งแต่วันที่ 1
ตุลาคม 2508 เป็นต้นไป
แล้วมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายในระยะยาวข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทรายขึ้นเมื่อวันที่
1 มิถุนายน 2509
ให้มีหน้าที่ดำเนินการส่งเสริมกิจการไร่อ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายในทางวิชากร
และให้โอนบรรดาทรัพย์สินต่าง ๆ ตลอดจนเจ้าหน้าที่วิชาการและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของ
“สำนักงานกองทุนสงเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำตาลทราย”
มาบรรจุเพื่อปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
1.2 โดยที่ฐานะของ “ศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทราย”
ซึ่งตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นแต่เพียง “โครงการศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทราย”
ฉะนั้น
เพื่อให้การดำเนินงานในด้านส่งเสริมกิจการไร่อ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาลในทางวิชาการได้สัมฤทธิ์ตามนโยบาย
รัฐบาลจึงได้ตราพระราชบัญญัติน้ำตาลทราย พ.ศ. 2511 ขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2511
ซึ่งเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทรายให้เป็นหลักฐานยิ่งขึ้น
โดยการจัดตั้งเป็น “สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย” ขึ้นในกระทรวงอุตสาหกรรม
มีหน้าที่ดำเนินการส่งเสริมกิจการไร่อ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายทางงวิชาการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
และปฏิบัติงานธุรการอื่นกับโดยกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน
ลุกจ้างและงบประมาณในโครงการศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทรายที่ตั้งไว้ในงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
มาเป็นของ “สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย”
แต่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายในขณะนั้นไม่มีฐานะเป็นส่วนราชการตาพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม
ต่อมาจึงได้รับการปรับปรุงให้เป็นส่วนราชการมีฐานะเทียบเท่ากองอยู่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง
2.
ฐานะของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายและฐานะของเจ้าหน้าที่
การจัดตั้งสำนักงานอ้อยและน้ำตาลมรายขึ้นในกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อดำเนินกิจการต่าง
ๆ ในทางวิชาการตามนัยกฎหมาย สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายได้รับโอนบรรดากิจการ
ทรัพย์สิน หนี้สิน ลูกจ้างชั่วคราว
และเงินงบประมาณโครงการศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทรายจากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย
แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติน้ำตาลทราย พ.ศ. 2511
มิได้ระบุชัดเจนว่าให้สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายมีฐานะเป็นส่วนราชการ
กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้นำเรื่องเสนอขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารับหลักการให้สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นส่วนราชการในกระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปี
และขอให้ยกฐานะลูกจ้างชั่วคราว
ซึ่งรับโอนมาจากศูนย์ส่งเสริมน้ำตาลทรายเป็นลูกจ้างประจำ
คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันนี้ 2 กันยายน 2512
ลงมติเห็นชอบในหลักการและอนุมัติให้สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นส่วนราชการ
กับให้ยกฐานะลูกจ้างชั่วคราวของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นลูกจ้างประจำด้วย
สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจึงได้ร่วมกันพิจารณาฐานะลูกจ้างชั่วคราวเป็นตำแหน่งลูกจ้างประจำตั้งแต่วันที่
1 ตุลาคม 2512
เป็นต้นมาในการยกฐานะลูกจ้างชั่วคราวเป็นลูกจ้างประจำของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายในครั้งนี้
สำนักงบประมาณของกระทรวงการคลังได้พิจารณาแยกประเภทตำแหน่งลูกจ้างประจำของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายออกเป็น
2 ประเภท คือ
1. ลูกจ้างประจำที่มีลักษณะงานเป็นลูกจ้าง
คือตำแหน่งผู้ช่วยเครื่องยนต์ พนักงานขับรถฟาร์มแทรคเตอร์ พนักงานขับขับรถยนต์
นักการภารโรง ยาม คนงาน
2. ลูกจ้างประจำที่มีลักษณะงานเป็นข้าราชการ เช่น
ตำแหน่งนักวิชาการต่าง ๆ
ที่มีคุณวุฒิซึ่งต่อไปเมื่อสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นส่วนราชการอย่างถูกต้องตามพระราชบัญญัติปรับปรับกระทรวงทบวงกรมและตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมและตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการแล้ว
ตำแหน่งต่าง ๆ
ของลูกจ้างประจำตามลักษณะงานนี้ก็จะได้พิจารณาขอปรับฐานะเป็นข้าราชการพลเรือนกับส่วนราชการอื่น
ๆ อย่างไรก็ดี
ในระหว่างที่รอการปรับปรุงเป็นส่วนราชการที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่นี้จึงต้องเป็นลูกจ้างประจำไปก่อน
ดังนั้น สำนักงบประมาณกระทรวงการคลัง และสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย
จึงได้ร่วมกันพิจารณากำหนดตำแหน่ง อัตราจ้าง เงื่อนไขการจ้าง การบรรจุ
ตลอดจนวิธีการเลื่อนขั้นค่าจ้างของลูกจ้างประจำโดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
กฎ ก.พ. และตามระเบียบวิธีการปฏิบัติราชการต่าง ๆ ของข้าราชการทุกประการ
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับการพิจารณาเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงฐานะลูกจ้างประจำประเภทนี้เข้าสู่ระบบราชการต่อไปในอนาคต
ต่อมา เมื่อเดือนสิงหาคม 2515
คณะกรรมการที่ปรึกษาระเบียบบริหารของหัวหน้าคณะปฏิวัติฐานะเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายนั้น
ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาระเบียบบริหารฯ
ได้มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมหรือกับสำนักงาน ก.พ. ต่อไป เมื่อมีประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ 276 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2515 ให้แบ่งส่วนราชการ
สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี
สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นส่วนราชการมีฐานะเท่ากับกองตามที่กล่าวมาแล้ว
ได้มีการปรึกษาหารือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับสำนักงาน ก.พ.
ในระดับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่จะปรับฐานะลูกจ้างประจำของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นข้าราชการ
แต่ยังไม่เป็นที่ตกลงในหลักการ จนกระทั่งตั้งแต่ปีงบประมาณ 2521 เป็นต้นมา สำนักงาน
ก.พ. จึงได้อนุมัติอัตราข้าราชการให้แก่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย รวมจำนวน 91
อัตรา ซึ่งกำหนดให้เป็นตำแหน่งทดแทนลูกจ้างประจำ 87 อัตรา
ส่วนเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายปัจจุบันจำนวน 183 อัตรา
ก็ยังคงมีฐานะเป็นลูกจ้างประจำทั้งสิ้น