ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทอง
เรื่อง มาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
- - - - - - -
- - - - - - - - - - -
องค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทอง
มีเจตนารมณ์ให้การดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบล มีความโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทองได้มีประกาศเจตจำนงสุจริต
ในการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทอง เมื่อวันที่
. เพื่อ
ให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
หรือผลประโยชน์ทับซ้อน
องค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทอง
จึงเห็นควรประกาศมาตรการป้องกันความชัดแย้งทางผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ต้องเข้าใจความหมายของความขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน
(Conflict of Interests)
หมายถึง
การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลประโยชน์ส่วนตนอยู่และมีการใช้อิทธิพลตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตัวโดยก่อให้เกิดผลเสียต่อ
ผลประโยชน์ส่วนรวมผลประโยชน์ทับซ้อนมีหลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดอยู่ในรูปของตัวเงิน หรือทรัพย์สินเท่านั้น
แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆที่ไม่ใช่ในรูปตัวเงินหรือทรัพย์สินก็ได้
2.
แนวทางการจัดการเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในหลัก 4
ประการคือ
2.1 ป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ : การทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะเป็นหน้าที่หลักตัดสินใจและให้คำแนะนำภายในกรอบกฎหมายและนโยบาย จะต้องทำงานในขอบเขตหน้าที่พิจารณาความถูก
ผิดไปตามเนื้อผ้า ไม่ให้ผลประโยชน์ส่วนตนมาแทรกแซง รวมถึงความเห็นและทัศนคติส่วนบุคคล ปฏิบัติต่อบุคคลอย่างเป็นกลาง ไม่มีอคติลำเอียงด้วยเรื่องศาสนา อาชีพ จุดยืนทางการเมือง เผ่าพันธุ์ วงศ์ตระกูล ฯลฯ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ไม่เพียงปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องมีจริยธรรมด้วย
2.2 สนับสนุนความโปร่งใสและความพร้อมรับผิด : การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนต้องอาศัยกระบวนการแสวงหา เปิดเผยและจัดการที่โปร่งใส นั่นคือ
เปิดโอกาสให้ตรวจสอบ
และมีความรับผิดมีวิธีการต่างๆ
เช่น
โยกย้ายเจ้าหน้าที่จากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อน
การเปิดเผยผลประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ที่อาจมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นขั้นตอนแรกของการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้กระบวนการอย่างเปิดเผยทั่วหน้า
อันจะทำให้เจ้าหน้าที่ร่วมมือและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้รับบริการ และผู้มีส่วนเสีย
2.3
ส่งเสริมความรับผิดชอบส่วนบุคคลและปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง :
การแก้ปัญหาหรือจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนจะสะท้อนถึงหลักคุณธรรมและความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่และองค์กร
การจัดการต้องอาศัยข้อมูลนำเข้าจากทุกระดับในองค์กร
ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบเรื่องการใช้ระบบและนโยบาย และเจ้าหน้าที่ต้องจัดการกับเรื่องส่วนตนเพื่ออหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนและหัวหน้าหน่วยงานต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างด้วย
3. ข้อไม่พึงปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
3.1 เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล
ไม่พึงรับสิ่งตอบแทนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินที่มูลค่าสูงเกินความเหมาะสมได้มาโดยมิชอบ
3.2 เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง
โดยไม่นำเรื่องของการเงินและการเมืองมาเกี่ยวข้อง
-2-
4.
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
การดำเนินการเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือผลประโยชน์ทับซ้อนในหน่วยงานโดยส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล มีความเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
สามารถแยกแยะประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีพฤติกรรมเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการที่เป็นการขัดกันระหว่างผลแระโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
ดังนี้
1. เป็นคู่สัญญา
หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดดำเนินคดี
2. เป็นหุ้นส่วนในห้างกุ้นส่วน หรือถือหุ้นในบริษัท
ที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
3. รับสัมปทานหรือถือสัมปทานจากรัฐอยู่ หรือเป็นคู่สัญญากับรัฐที่มีลักษณะผูกขาด ตัดตอนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งนี้ ห้ามเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน
หรือมีหุ้นส่วนในบริษัทที่รับสัมปทานหรือถือสัมปทานจากรัฐอยู่เช่นกัน
4. เป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงาน หรือลูกจ้างในธุรกิจเอกชน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ควบคุม
ตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ทางราชการ
หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น
มีข้อยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
1.
กรณีพ้นจากการดำรงตำแหน่งมาแล้วยังไม่ถึงสองปี สามารถเป็นผู้ถือหุ้นไม่เกิน 5
เปอร์เซ็นต์จาก
จำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายในบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งนี้
ต้องไม่ใช่บริษัทที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2.
กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่
หน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือเข้าร่วมทุน เช่น
รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นที่ปรึกษาหรือกรรมการภายในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นหรือร่วมทุน
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ
วันที่ 28 เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕61
(ลงชื่อ).............................................
(นางบุญน้อม ลิ้มกุล)
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระโพนทอง