ความเป็นมาของอำเภอ อำเภอกงหรา เดิมขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วยพื้นที่ ๓ ตำบล ได้แก่ตำบลกงหรา, ตำบลคลองเฉลิม และตำบลชะรัด ต่อมาทางราชการพิจารณาเห็นว่าเป็นพื้นที่ห่างไกล สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา คือเขตเทือกเขาบรรทัดและอุทยานแห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า และเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นป่ารกทึบทำให้ง่ายต่อการแทรกซึมบ่อนทำลายจากฝ่ายตรงข้าม ถ้ามีการยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ ก็จะช่วยสกัดกั้นการแทรกซึมบ่อนทำลายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)ได้ ประกอบกับพิจารณาแล้วเห็นว่าสภาพพื้นที่น่าจะมีความเจริญก้าวหน้าในอนาคต กระทรวง มหาดไทย จึงได้ออกประกาศยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอกงหรา เมื่อวันที่ ๙ เดือนกันยายน ๒๕๑๘ โดยตั้งชื่อว่า “กิ่งอำเภอกงหรา” โดยมีเอกชนคือ นายสะอีด นะแหละ ราษฎรหมู่ที่ ๑ ตำบลกงหรา อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุงร่วมบริจาคที่ดินเนื้อที่ประมาณ ๓๐ ไร่ เพื่อสร้างที่ว่าการกิ่งอำเภอ บนพิกัดที่ PJ ๐๕๒๑๗๙ พื้นที่ประกอบไปด้วย ๓ ตำบล กล่าวคือ ตำบลกงหรา, ตำบลคลองเฉลิม และตำบลชะรัด กิ่งอำเภอกงหรา ได้พัฒนาจนมีความเจริญก้าวหน้าในด้านต่าง ๆเป็นลำดับ ต่อมากระทรวงมหาดไทย จึงได้พิจารณายกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ เรียกชื่อว่า “อำเภอกงหรา” เมื่อวันที่ ๑ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๘ ตอนที่ ๑๑๕ หน้า ๗ ลงวันที่ ๑ เดือน กรกฎาคม ๒๕๒๔ มีเขตการปกครองเหมือนเดิม สำหรับประวัติ หรือตำนานความเป็นมาของการที่ได้เรียกชื่อที่ตั้งอำเภอว่า “กงหรา” นั้น ตำนานเดิมเล่าว่า มีหญิงหม้ายคนหนึ่ง อาศัยอยู่กับลูกชายซึ่งเป็นหนุ่ม ต่อมาหญิงหม้ายได้สามีใหม่ สามีใหม่รังเกียจ บุตรชายของภรรยามาก และหาทางกลั่นแกล้งอยู่เสมอ สุดท้ายได้แกล้งทำเป็นป่วย และขอร้องให้ภรรยาฆ่านกเขาของบุตรชายแล้วเอาตับมาปิ้งให้กิน ซึ่งภรรยาก็ทำตาม บุตรชายกลับจากหาปลามาทันเหตุการณ์เลยลุแก่อำนาจโทสะฆ่าพ่อเลี้ยงตายแล้วหนีไปเมืองจีนและประกอบอาชีพค้าขายจนร่ำรวย ต่อมาได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีทางเมืองจีน ต่อมาลูกชายเกิดความคิดถึงมารดา ก็ลงเรือสำเภาพาภรรยา และข้าทาสบริวารมาเยี่ยมมารดาฝ่ายหญิงหม้ายเมื่อสามีตาย และลูกชายหนีออกจากบ้านไป ก็เอาแต่ทุกข์ตรม ประกอบกับชราภาพขึ้นทุกวัน ไม่มีเรี่ยวแรงจะหากิน เป็นอยู่อย่างอดอยาก ร่างการผ่ายผอม ซูบโทรม เสื้อผ้าสกปรก ทุกวันนางจะมายืนคอยอยู่ที่ท่าน้ำด้วยความคิดถึงและมีความหวังว่าสักวันหนึ่งบุตรชายจะกลับมา ครั้นเมื่อคณะของบุตรชายเดินทางมาถึง เมื่อนางได้เห็นบุตรชายอยู่ในสำเภาใหญ่มุ่งหน้ามาทางบ้านก็ดีใจร้องเรียกฝ่ายบุตรชายเห็นมารดาอยู่ในสภาพทรุดโทรมเช่นนั้นก็เกิดความอายแก่ภรรยาและข้าทาสบริวารจึงสั่งสำเภาหันหัวกลับเมืองจีน ด้วยความเสียใจหญิงชราร้องให้ และออกปากสาปแช่งให้สำเภาล่มและตัวเองก็ตรอมใจตายอยู่ที่ ท่าน้ำนั้น ส่วนในทะเลก็บัดเกิดเป็นคลื่นลมจัดและพัดเอาสำเภาจนบุตรชายตลอดจนข้าทาสบริวารจมน้ำตายสิ้น สำเภาถูกพายุพัดพังปรากฏเหลือแต่ “กง” ซึ่งอยู่ในลักษณะชูหราขึ้นมาเหนือน้ำ จึงเป็นตำนานเรียกชื่อนี้ว่า “กงหรา” มาแต่บัดนั้น